(ลีลาการเตะบอลของครูจิมมี่)
กิจกรรมยามว่างของก๊วนโยคีในเมืองกรุง(ก๊วนโยคีรวมตัวเตะบอล)
แน่นอนงานหลักเพียงอย่างเดียวของผมก็คือการสอนโยคะครับ หลังๆมา เนื่องจากผมรับงานสอนแบบทุกวันไม่มีวันหยุดก็เลยคิดว่าน่าจะมีวันหยุดประจำสัปดาห์อยู่กับครอบครัวบ้าง เดี๋ยวลูกเมียจะจำหน้าไม่ได้เอา ผมก็เลย จัดให้วันอาทิตย์เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ของผม ซึ่งในบางอาทิตย์มันก็จะเหงาหงอย เนื่องจากคนมันไม่เคยหยุดถึงแม้นจะหยุดอยู่กับครอบครัวก็ตาม ก็เลยคิดว่าในบางอาทิตย์น่าจะมีอะไรที่เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ทำกันบ้างในหมู่เพื่อนครูสอนโยคะและลูกศิษย์ของผม
มีวันหนึ่งพี่สุธรรมที่เป็นครูสอนโยคะด้วยกัน
ก็ชวนผมและลูกศิษย์ของผมไปเตะบอลด้วยกัน(พี่เขาอายุรุ่นเดียวกับคุณอาของผมเห็นจะได้
แต่ด้วยวงโคจรของการสอนโยคะจึงทำให้ผมและพี่สุธรรมรู้จักและสนิทสนมกัน) เนื่องจากพี่สุธรรมได้ย้ายที่พักอาศัยมาอยู่ที่คอนโดฯแถวย่านห้วยขวาง
ซึ่ง ณ คอนโดฯ นั้นเองก็มีการทำธุรกิจสนามฟุตบอลให้เช่าหลายสนามทีเดียว
จึงทำให้พวกเราเกิดแนวคิดกันว่าน่าจะรวมตัวกันสัปดาห์ละครั้งเพื่อมาเตะฟุตบอลด้วยกัน
(ครูสุธรรม, ครูเปรม, ครูปอนด์, ครูปีเตอร์ และครูจิมมี่)
แรกๆเราก็รวมตัวกันมาเตะกับทีมของทางสนาม
ก็เล่นกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่ในบางครั้งก็ไปขอเล่นรวมกับทีมอื่นๆที่มาเช่าใช้สนามเลยล่ะครับ
จนทำให้กลายมาเป็น “ก๊วนโยคีเตะบอล” ของพวกเรา จะว่าไปแล้วทักษะของพวกเราแต่ละคนก็สุดๆด้วยกันทั้งนั้นล่ะครับ
พี่สุธรรม เคยมีดีกรี เป็นนักฟุตบอลของบริษัท
ในสมัยที่พี่เขาทำงานใหม่ๆ(สุดยอดจริงๆ) ครูปอนด์ ลูกศิษย์ของผม เคยมีดีกรีเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลเยาวชนตัวแทนจังหวัด
และเล่นฟุตบอลบ้างในบางครั้ง(สุดยอด) ครูเปรม ลูกศิษย์ของผม
เคยเป็นนักกีฬาเซปักตะกร้อของวิทยาลัย และเล่นฟุตบอลบ้างในบางครั้ง(สุดยอด)
ปีเตอร์ เป็นทั้งลูกศิษย์ของผมและพี่สุธรรม มีดีกรีเป็นนักกายภาพจากประเทศโปรแลนด์
ที่มีใจรักในการออกกำลังกายและก็เล่นฟุตบอลบ้างนานๆที(สุดยอด) ส่วนตัวผมเองเคยมีดีกรีเป็นถึงนักฟุตบอลตัวแทนโรงเรียนประจำจังหวัดในสมัยเรียนมัธยมฯปลาย(สุดยอด)
แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีดีกรีสุดยอดทั้งนั้น แต่นั่นน่ะมันนานมาแล้ว พอมาถึง ณ ตอนนี้
สภาพแต่ละคนก็อย่างที่คิดไว้แหล่ะครับ ช่วงแรกๆก็วิ่งกันคึกคักดี ผ่านไป15นาที
แทบจะคานออกจากสนามกันเป็นแถว
แต่ในที่สุดเมื่อรวมตัวมาเตะบอลกันบ่อยครั้งเข้า
พวกเราก็เล่นกันเป็นชั่วโมงเกือบทุกครั้งที่ได้มาเตะบอลด้วยกัน
ผลที่ได้รับของการรวมตัวกันเตะบอลในแต่ละครั้งก็มีเย๊อะแย๊ะมากมายครับ
นอกจากความสนุกสนานความมันส์ในหมู่คณะของพวกเราแล้ว
ก็ยังมีสิ่งอื่นๆที่พวกเราได้รับอย่างชัดเจนคือ
ตัวผมเองเกิดการมีปัญหากับรองเท้าเล็กน้อยจึงทำให้เล็บเท้าหลุดและมีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อบ้างพอประมาณ,
พี่สุธรรมเคยถึงกับข้อเท้าบวม หน้าแข้งปูดจากการปะทะกัน,
ส่วนคนอื่นๆก็มีฟกช้ำบ้างแผลทะหลอกบ้าง
ซึ่งทุกๆคนในก๊วนของเราต่างก็สอนโยคะด้วยกันทั้งนั้น พูดกันง่ายๆก็คือได้ไม่คุ้มเสียล่ะครับ
คนอื่นก็ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอกครับ
ผมกับพี่สุธรรมต่างก็มีครอบครัวกันแล้ว พอกลับถึงบ้านก็จะได้รับการต้อนรับจากศรีภรรยา
ล่ะครับ เนื้อหาใจความก็สรุปได้ประมาณว่า “อย่าให้รู้น๊ะว่าต้องงดคลาสสอนหรือหาคนไปสอนแทนเพราะเจ็บตัวจากการไปเล่นบอลมา
ไม่ใช่เด็กๆแล้วน๊ะคุณ” อันนี้คือด่านแรกของผมกับพี่สุธรรม ด่านที่สองคือเหล่านักเรียนของพวกเราแหล่ะครับ พอพวกเราต่างก็มีอาการแปลกๆตอนเดิน
จึงทำให้ได้รับคำถามจากนักเรียนเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไปทำอะไรมาครู? ดูเดินแปลกๆน่ะ” 555..
พอทราบคำตอบลูกศิษย์ก็มักจะมองผมแปลกๆและถามต่อว่า “เตะบอลเป็นด้วยเหรอครู?” ผมก็คิดในใจว่า อ้าวพูดแปลกๆรูปร่างเราไม่เหมาะกับการเตะบอลเลยหรืออย่างไรกัน
จากเหตุการณ์ดังกล่าวจึงทำให้ผมคิดว่าการบาดเจ็บจากการเตะฟุตบอลของพวกเรามีผลกระทบพอสมควรเลยทีเดียวกับอาชีพการสอนโยคะ
หากวันหนึ่งวันใดเกิดโชคร้ายขาแข้งหักกันขึ้นมาคงไม่ดีแน่ๆ
ผมจึงตัดสินใจประกาศแขวนรองเท้าเตะบอลให้ทุกคนในกลุ่มทราบและต่อมาอีกไม่นานก๊วนโยคีเตะบอลของพวกเราก็ล่มสลายไปในที่สุด
และก็คิดว่าพวกเราน่าจะหากิจกรรมอย่างอื่นทำกันดีกว่าที่จะฝืนสังขารกันไปเตะบอล
และนี่ก็คือ
กิจกรรมครั้งหนึ่งของพวกเราเหล่าโยคีในเมืองกรุง พอมาถึง ณ
ตอนนี้พวกเราบางคนต่างก็มีภาระการสอนโยคะกันอย่างมากมายจึงทำให้การรวมตัวเจอกันในแต่ละครั้งค่อนข้างจะลำบาก
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีโอกาสพวกเราก็จะไม่พลาดรวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารหรือเสวนากันตามประสาก๊วนครูโยคะ
มิตรภาพของพวกเราที่มีวิชาชีพเดียวกันนั้นเป็นสิ่งที่งดงาม
ยากที่จะหาสิ่งใดมาเทียบได้ พวกเราก็เฝ้าหวังว่าเราจะยังคงเก็บรักษามิตรภาพอันดีงามระหว่างพวกเราไว้ตราบนานเท่านาน
ขอพลังแห่งโยคะและมิตรภาพอันดีงามจงอยู่กับพวกเราทุกๆคนตลอดไปเทอญ
นมัสเต,
จิมมี่โยคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น ของคนในวงการโยคะ