เรื่องเล่า...จากครูโยคะ

เรื่องเล่า...จากครูโยคะ เป็นการรวบรวมเรื่องราวต่างๆจากประสบการณ์การสอนโยคะของครูจิมมี่ ถ่ายทอดออกมาเป็นบทความ สอดแทรกอารมย์ขัน เหมาะกับผู้ที่สนใจในการฝึกโยคะ, ครูฝึกโยคะและทุกๆคน ทุกเพศทุกวัย



สำหรับทุกๆท่านที่เพิ่งจะเข้ามาใช้บริการ อ่านบล็อก เรื่องเล่า...จากครูโยคะ โดยครูจิมมี่ สามารถเลือกคลิ๊กเข้าไปอ่าน บทความอื่นๆได้ ที่เดือนต่างๆ ซึ่งเรียงอยู่ทางด้านขวามือของบทความ ขอบพระคุณมากครับ



ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับคุณตลอดไป...นมัสเต...





วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

กิจกรรมยามว่างของก๊วนโยคีในเมืองกรุง(ก๊วนโยคีรวมตัวเตะบอล)

                       (ลีลาการเตะบอลของครูจิมมี่)

กิจกรรมยามว่างของก๊วนโยคีในเมืองกรุง(ก๊วนโยคีรวมตัวเตะบอล)

แน่นอนงานหลักเพียงอย่างเดียวของผมก็คือการสอนโยคะครับ หลังๆมา เนื่องจากผมรับงานสอนแบบทุกวันไม่มีวันหยุดก็เลยคิดว่าน่าจะมีวันหยุดประจำสัปดาห์อยู่กับครอบครัวบ้าง เดี๋ยวลูกเมียจะจำหน้าไม่ได้เอา ผมก็เลย  จัดให้วันอาทิตย์เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ของผม ซึ่งในบางอาทิตย์มันก็จะเหงาหงอย เนื่องจากคนมันไม่เคยหยุดถึงแม้นจะหยุดอยู่กับครอบครัวก็ตาม ก็เลยคิดว่าในบางอาทิตย์น่าจะมีอะไรที่เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ทำกันบ้างในหมู่เพื่อนครูสอนโยคะและลูกศิษย์ของผม

มีวันหนึ่งพี่สุธรรมที่เป็นครูสอนโยคะด้วยกัน ก็ชวนผมและลูกศิษย์ของผมไปเตะบอลด้วยกัน(พี่เขาอายุรุ่นเดียวกับคุณอาของผมเห็นจะได้ แต่ด้วยวงโคจรของการสอนโยคะจึงทำให้ผมและพี่สุธรรมรู้จักและสนิทสนมกัน)  เนื่องจากพี่สุธรรมได้ย้ายที่พักอาศัยมาอยู่ที่คอนโดฯแถวย่านห้วยขวาง ซึ่ง ณ คอนโดฯ นั้นเองก็มีการทำธุรกิจสนามฟุตบอลให้เช่าหลายสนามทีเดียว จึงทำให้พวกเราเกิดแนวคิดกันว่าน่าจะรวมตัวกันสัปดาห์ละครั้งเพื่อมาเตะฟุตบอลด้วยกัน

       (ครูสุธรรม, ครูเปรม, ครูปอนด์, ครูปีเตอร์ และครูจิมมี่)

แรกๆเราก็รวมตัวกันมาเตะกับทีมของทางสนาม ก็เล่นกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่ในบางครั้งก็ไปขอเล่นรวมกับทีมอื่นๆที่มาเช่าใช้สนามเลยล่ะครับ จนทำให้กลายมาเป็น ก๊วนโยคีเตะบอล ของพวกเรา จะว่าไปแล้วทักษะของพวกเราแต่ละคนก็สุดๆด้วยกันทั้งนั้นล่ะครับ พี่สุธรรม เคยมีดีกรี เป็นนักฟุตบอลของบริษัท ในสมัยที่พี่เขาทำงานใหม่ๆ(สุดยอดจริงๆ) ครูปอนด์ ลูกศิษย์ของผม เคยมีดีกรีเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลเยาวชนตัวแทนจังหวัด และเล่นฟุตบอลบ้างในบางครั้ง(สุดยอด) ครูเปรม ลูกศิษย์ของผม เคยเป็นนักกีฬาเซปักตะกร้อของวิทยาลัย และเล่นฟุตบอลบ้างในบางครั้ง(สุดยอด) ปีเตอร์ เป็นทั้งลูกศิษย์ของผมและพี่สุธรรม มีดีกรีเป็นนักกายภาพจากประเทศโปรแลนด์ ที่มีใจรักในการออกกำลังกายและก็เล่นฟุตบอลบ้างนานๆที(สุดยอด) ส่วนตัวผมเองเคยมีดีกรีเป็นถึงนักฟุตบอลตัวแทนโรงเรียนประจำจังหวัดในสมัยเรียนมัธยมฯปลาย(สุดยอด) แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีดีกรีสุดยอดทั้งนั้น แต่นั่นน่ะมันนานมาแล้ว พอมาถึง ณ ตอนนี้ สภาพแต่ละคนก็อย่างที่คิดไว้แหล่ะครับ ช่วงแรกๆก็วิ่งกันคึกคักดี ผ่านไป15นาที แทบจะคานออกจากสนามกันเป็นแถว  แต่ในที่สุดเมื่อรวมตัวมาเตะบอลกันบ่อยครั้งเข้า พวกเราก็เล่นกันเป็นชั่วโมงเกือบทุกครั้งที่ได้มาเตะบอลด้วยกัน

ผลที่ได้รับของการรวมตัวกันเตะบอลในแต่ละครั้งก็มีเย๊อะแย๊ะมากมายครับ นอกจากความสนุกสนานความมันส์ในหมู่คณะของพวกเราแล้ว ก็ยังมีสิ่งอื่นๆที่พวกเราได้รับอย่างชัดเจนคือ ตัวผมเองเกิดการมีปัญหากับรองเท้าเล็กน้อยจึงทำให้เล็บเท้าหลุดและมีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อบ้างพอประมาณ, พี่สุธรรมเคยถึงกับข้อเท้าบวม หน้าแข้งปูดจากการปะทะกัน, ส่วนคนอื่นๆก็มีฟกช้ำบ้างแผลทะหลอกบ้าง ซึ่งทุกๆคนในก๊วนของเราต่างก็สอนโยคะด้วยกันทั้งนั้น พูดกันง่ายๆก็คือได้ไม่คุ้มเสียล่ะครับ

คนอื่นก็ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอกครับ ผมกับพี่สุธรรมต่างก็มีครอบครัวกันแล้ว พอกลับถึงบ้านก็จะได้รับการต้อนรับจากศรีภรรยา ล่ะครับ เนื้อหาใจความก็สรุปได้ประมาณว่า อย่าให้รู้น๊ะว่าต้องงดคลาสสอนหรือหาคนไปสอนแทนเพราะเจ็บตัวจากการไปเล่นบอลมา ไม่ใช่เด็กๆแล้วน๊ะคุณ  อันนี้คือด่านแรกของผมกับพี่สุธรรม  ด่านที่สองคือเหล่านักเรียนของพวกเราแหล่ะครับ พอพวกเราต่างก็มีอาการแปลกๆตอนเดิน จึงทำให้ได้รับคำถามจากนักเรียนเป็นเสียงเดียวกันว่า ไปทำอะไรมาครู? ดูเดินแปลกๆน่ะ 555.. พอทราบคำตอบลูกศิษย์ก็มักจะมองผมแปลกๆและถามต่อว่า เตะบอลเป็นด้วยเหรอครู? ผมก็คิดในใจว่า อ้าวพูดแปลกๆรูปร่างเราไม่เหมาะกับการเตะบอลเลยหรืออย่างไรกัน

จากเหตุการณ์ดังกล่าวจึงทำให้ผมคิดว่าการบาดเจ็บจากการเตะฟุตบอลของพวกเรามีผลกระทบพอสมควรเลยทีเดียวกับอาชีพการสอนโยคะ หากวันหนึ่งวันใดเกิดโชคร้ายขาแข้งหักกันขึ้นมาคงไม่ดีแน่ๆ ผมจึงตัดสินใจประกาศแขวนรองเท้าเตะบอลให้ทุกคนในกลุ่มทราบและต่อมาอีกไม่นานก๊วนโยคีเตะบอลของพวกเราก็ล่มสลายไปในที่สุด และก็คิดว่าพวกเราน่าจะหากิจกรรมอย่างอื่นทำกันดีกว่าที่จะฝืนสังขารกันไปเตะบอล

และนี่ก็คือ กิจกรรมครั้งหนึ่งของพวกเราเหล่าโยคีในเมืองกรุง พอมาถึง ณ ตอนนี้พวกเราบางคนต่างก็มีภาระการสอนโยคะกันอย่างมากมายจึงทำให้การรวมตัวเจอกันในแต่ละครั้งค่อนข้างจะลำบาก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีโอกาสพวกเราก็จะไม่พลาดรวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารหรือเสวนากันตามประสาก๊วนครูโยคะ

มิตรภาพของพวกเราที่มีวิชาชีพเดียวกันนั้นเป็นสิ่งที่งดงาม ยากที่จะหาสิ่งใดมาเทียบได้ พวกเราก็เฝ้าหวังว่าเราจะยังคงเก็บรักษามิตรภาพอันดีงามระหว่างพวกเราไว้ตราบนานเท่านาน
  
ขอพลังแห่งโยคะและมิตรภาพอันดีงามจงอยู่กับพวกเราทุกๆคนตลอดไปเทอญ


นมัสเต,


จิมมี่โยคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น ของคนในวงการโยคะ

ป้ายกำกับ

Powered By Blogger