เรื่องเล่า...จากครูโยคะ

เรื่องเล่า...จากครูโยคะ เป็นการรวบรวมเรื่องราวต่างๆจากประสบการณ์การสอนโยคะของครูจิมมี่ ถ่ายทอดออกมาเป็นบทความ สอดแทรกอารมย์ขัน เหมาะกับผู้ที่สนใจในการฝึกโยคะ, ครูฝึกโยคะและทุกๆคน ทุกเพศทุกวัย



สำหรับทุกๆท่านที่เพิ่งจะเข้ามาใช้บริการ อ่านบล็อก เรื่องเล่า...จากครูโยคะ โดยครูจิมมี่ สามารถเลือกคลิ๊กเข้าไปอ่าน บทความอื่นๆได้ ที่เดือนต่างๆ ซึ่งเรียงอยู่ทางด้านขวามือของบทความ ขอบพระคุณมากครับ



ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับคุณตลอดไป...นมัสเต...





วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

หนังสือ "เรื่องเล่า...จากครูโยคะ" โดยครูจิมมี่


หนังสือ "เรื่องเล่า...จากครูโยคะ" โดยครูจิมมี่

"สัมผัสเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงของครูโยคะ  ในมุมที่คุณอาจคาดไม่ถึง"

จากบทความในบล็อกโยคะของผม ณ ตอนนี้ได้นำไปถูกจัดรวมเรียบเรียงเป็นหนังสือ พร้อมสู่สายตาทุกๆท่านเรียบร้อยแล้วครับ

หลังจากที่ผมได้เขียนบทความผ่านบล็อกโยคะมาเกือบ 2ปี มีบทความจำนวนมากมายในบล็อกของผม มีผู้แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมและอ่านบทความเกี่ยวกับโยคะของผมจำนวนไม่น้อย จนทำให้เกิดเป็นกระแสแนะนำจากหลายๆท่านให้รวบรวมเรื่องราวต่างๆที่ผมถ่ายทอดผ่านบล็อกมารวมเป็นเล่ม ซึ่งตอนนี้ผมและทีมงานก็ได้จัดทำหนังสือเล่มนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ

เป็นหนังสือเกี่ยวกับโยคะที่ไม่ได้สอนท่าโยคะอาสนะ แต่เล่าถึงประสบการณ์ต่างๆจากการเรียนและการสอนโยคะของผมอย่างยาวนาน ด้วยสไตล์การเขียนแบบเป็นกันเอง สนุกสนานน่าติดตามไม่เครียด สอดแทรกสาระ หลักการ จริยธรรม จรรยาบรรณ ทำให้ผู้อ่านเข้าใจโยคะ และเข้าใจหัวอกของครูสอนโยคะ

คำนิยมหนังสือ จาก ครูเดวิด สเวนสัน(สุดยอดครูอัษฎางคโยคะ ระดับโลก), อาจารย์กวี คงภักดีพงษ์(ผู้อำนวยการสถาบันโยคะวิชาการ), คุณซูซาน ฮอสลี่ย์(ผู้อำนวยการสถาบันฟิต)

หนังสือ " เรื่องเล่า...จากครูโยคะ" โดย ยุทธนา  พลเจริญ (ครูจิมมี่)
เนื้อหาในเล่มประกอบด้วยบทความโยคะของผม 48เรื่อง
หนังสือเล่มนี้มี  231หน้า
พิมพ์ครั้งที่1  ตุลาคม 2554
พิมพ์จำนวน 1,500 เล่ม
พิมพ์ที่ บริษัท ส เจริญ การพิมพ์ จำกัด
ราคาขายที่สันปก 179 บาท

เนื่องจากหนังสือเล่มนี้ผู้เขียน(ครูจิมมี่)และทีมงาน เป็นผู้จัดทำเองทั้งหมดโดยไม่มีสปอนเซอร์และสำนักพิมพ์ใดๆที่ร่วมสนับสนุนการจัดทำ  จึงไม่ได้มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป ดังนั้นสำหรับผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อได้ที่สถาบันฟิต หรือโทร.สั่งซื้อและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คุณเปิ้ล 0860212845


นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลผ่านทางเฟสบุ๊คได้ที่

ครูจิมมี่ http://www.facebook.com/jimmy.yoga

คุณเปิ้ล http://www.facebook.com/#!/profile.php?id=100000090250623&sk=wall


หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือ"เรื่องเล่า...จากครูโยคะ" จะเป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่เข้าไปอยู่ในใจของคนในวงการโยคะ

ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับทุกๆคนตลอดไป

นมัสเต,

จิมมี่โยคะ

Shanti to Thailand with Karma Yoga "We can do it Together!"


Shanti to Thailand with Karma Yoga "We can do it Together!"
ขอสันติสุขกลับคืนสู่เมืองไทย เรามาร่วมด้วยช่วยกันด้วยกรรมโยคะ

"ช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ อิ่มบุญ สุขใจ ไปกับการฝึกโยคะ"

เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศชาติบ้านเมืองเรา ณ ตอนนี้ หากผมจำไม่ผิดเหตุการมันเริ่มมาตั้งแต่ประมาณ กรกฎาคม ๒๕๕๔  ผมรู้สึกสลดหดหู่ใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก ซึ่ง ณ เวลานั้นเหตุการณ์น้ำท่วมเกิดขึ้นในต่างจังหวัดเสียเป็นส่วนใหญ่ ผมจึงคิดว่ามีอะไรบ้าง ที่ผมพอจะสามารถทำได้ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติที่กำลังเดือดร้อนอยู่จากอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศเราก็ว่าได้

จึงทำให้ผมคิดที่จะสอนโยคะและจัดกิจกรรมโยคะเพื่อการกุศล(มีทั้งผมเป็นผู้สอนเองและเชิญครูท่านอื่นมาช่วยสอน)เพื่อนำเงินรายได้ทั้งหมดไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยบริจาคเงินทั้งหมดผ่าน สำนักบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย โดยกิจกรรมแรกของเรามีดังต่อไปนี้

 วันเสาร์ที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๔ เวลา ๙.๐๐-๑๒.๐๐น. สถาบันฟิตของเราได้เชิญ อาจาย์กวี คงภักดีพงษ์ มาบรรยายเรื่องประวัติความเป็นมาของโยคะและปตัญชลีโยคะสูตร ให้กับนักเรียนคอร์สครูสอนโยคะของสถาบันฟิต ผมจึงถือโอกาสนี้แจ้งให้บุคคลภายนอกที่มีความสนใจสามารถเข้ามาร่วมฟังบรรยายในครั้งนี้ได้ด้วย เพียงแค่ร่วมบริจาคเงินตามกำลังศรัทธา ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี


(บรรยากาศในคลาสของ ครูกวี คงภักดีพงษ์)


เสาร์ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เวลา ๙.๐๐-๑๒.๐๐น. สถาบันฟิตของเราได้เชิญ  ครูเล็ก, เอกชัย มาสอนเรื่อง โยคะเพื่อการบำบัดผู้ที่มีความผิดปกติทางด้านโครงสร้างร่างกาย ให้กับนักเรียนคอร์สครูสอนโยคะของสถาบันฟิต ผมจึงถือโอกาสนี้แจ้งให้บุคคลภายนอกที่มีความสนใจสามารถเข้ามาร่วมฟังบรรยายในครั้งนี้ได้ด้วย เพียงแค่ร่วมบริจาคเงินตามกำลังศรัทธา ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี


(บรรยากาศในคลาสของ ครูเล็ก, เอกชัย)

 
อาทิตย์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ทางชมรมศิษย์เก่าหลักสูตรครูสอนโยคะของสถาบันฟิตเราได้ร่วมกับฟิตสตูดิโอ จัดคลาสโยคะการกุศล โดย เวลา ๙.๐๐-๑๑.๓๐น.ครูจิมมี่ สอน หฐะวินยาสะโยคะ แบบโฟล์วคลาส ส่วนเวลา ๑๓.๓๐-๑๖.๐๐น. ครูสุธรรม สอนเรื่องโยคะและการจัดระเบียบร่างกายและจิตใจ โดย เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปที่สนใจสามารถมาเข้าร่วมกิจกรรมได้ โดยบริจาคเริ่มต้นที่ท่านละ๕๐๐บาท ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี
 
 
 
 
อาทิตย์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ ครูจิมมี่ ร่วมกับ บัลลัมโยคะย่านลาซาล จัดคลาสโยคะการกุศล สอนโดยครูจิมมี่ เวลา ๙.๐๐-๑๐.๓๐น. สอนเรื่องเทคนิคและวิธีการฝึกโยคะอาสนะด้วยท่ายืน เวลา ๑๐.๓๐-๑๒.๐๐น.การทำท่าบิดตัวสำหรับการฝึกโยคะอาสนะ โดยเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปที่สนใจสามารถมาเข้าร่วมกิจกรรมได้ โดยร่วมบริจาคเงินตามกำลังศรัทธา ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี
 

 
 
จริงๆแล้วในวันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ ผมได้นัดหมายกับครูอุ้ม สุชาวดี เฉลิมวงศาเวช เพื่อจะเปิดคลาส อัษฎางคโยคะ ไพรมารี่ซีรี่ย์ การกุศล ที่ฟิตสตูดิโอ แต่เนื่องด้วยสถานการณ์น้ำท่วมที่เคลื่อนตัวเข้าสู่กรุงเทพ ไม่น่าไว้วางใจจึงทำให้เราตัดสินใจเลื่อนกิจกรรมดังกล่าวออกไปอย่างไม่มีกำหนดแต่ก็สัญญาว่าจะกลับมาจัดอีกอย่างแน่นอนครับ ซึ่งจากสถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาสู่กรุงเทพนี้เองยังส่งผลกระทบไปถึงการจัดกิจกรรมไทยแลนด์โยคะเฟสติวัลอีกด้วย ทำให้มหกรรมโยคะที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทยจำเป็นจะต้องย้ายไปจัดในวันที่ ๑๗-๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๔(จากที่ตั้งใจจะจัดในวันที่๒๙-๓๐ตุลาคม ๒๕๕๔)
 
อาทิตย์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ครูจิมมี่ ร่วมกับ เก๊าไม้ล้านนา รีสอร์ท เชียงใหม่ จัดกิจกรรมโยคะการกุศลเพื่อนำเงินบริจาคไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เวลา ๙.๐๐-๑๑.๓๐น. การฝึกโยคะอาสนะสำหรับคนที่นั่งทำงานออฟฟิศ เวลา ๑๓.๓๐-๑๖.๐๐น. เทคนิคการทำท่าอาร์มบาลานซ์สำหรับการฝึกโยคะอาสนะ(ซึ่งสำหรับกิจกรรมครั้งนี้ ผมจะนำข้อมูลมาอั๊พเดตให้ทราบ ทางเฟสบุ๊ค)
 
และก็คิดว่าคงจะมีกิจกรรมการกุศลช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติคล้ายๆแบบนี้อีกตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวยครับ


มาจนถึงปัจจุบันนี้จะเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ แล้ว ก็ยังไม่ค่อยมีทีท่าว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะดีขึ้น ผมชักเริ่มกังวลใจนิดๆเสียแล้วล่ะครับว่า จากการที่ผมพยายามทำกิจกรรมการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ต่อไปอาจจะถึงเวลาที่ผมจะต้องช่วยเหลือตนเองเข้าแล้ว เพราะตอนนี้สถานการณ์น้ำท่วมได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร และเข้ามาใกล้ระแวกที่พักอาศัยของผมมากๆ ถึงแม้รัฐบาลประกาศให้วันที่๒๗-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นวันหยุดราชการ เพื่อหวังให้ชาวกรุงได้เตียมตัวออกจากเมืองไปอยู่ต่างจังหวัดกัน เพื่อหลบภัยน้ำท่วมที่กำลังเข้ามาสู่เมืองกรุง แต่บริษัทเอกชนหลายๆแห่งในกรุงเทพก็ยังคงเปิดกิจการกันตามปกติ จึงทำให้จนถึงวินาทีนี้ทั้งผมและภรรยาต่างก็ยังคงมีภาระการงานอยู่ในกรุงเทพและยังคงเฝ้าสังเกตการณ์สภาวะน้ำท่วมที่กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ ได้แต่เฝ้าภาวนาหวังว่าทุกๆคนและครอบครัวของผมคงจะปลอดภัยและผ่านพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ในเร็ววัน

ขอพลังแห่งโยคะและกรรมโยคะ จงช่วยให้ชาวไทยทุกๆคน สามารถผ่านพ้นจากอุทกภัยครั้งร้ายแรงนี้ไปได้ในเร็ววัน เทอญ

นมัสเต,

จิมมี่โยคะ

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

กิจกรรมยามว่างของก๊วนโยคีในเมืองกรุง(ก๊วนโยคีรวมตัวเตะบอล)

                       (ลีลาการเตะบอลของครูจิมมี่)

กิจกรรมยามว่างของก๊วนโยคีในเมืองกรุง(ก๊วนโยคีรวมตัวเตะบอล)

แน่นอนงานหลักเพียงอย่างเดียวของผมก็คือการสอนโยคะครับ หลังๆมา เนื่องจากผมรับงานสอนแบบทุกวันไม่มีวันหยุดก็เลยคิดว่าน่าจะมีวันหยุดประจำสัปดาห์อยู่กับครอบครัวบ้าง เดี๋ยวลูกเมียจะจำหน้าไม่ได้เอา ผมก็เลย  จัดให้วันอาทิตย์เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ของผม ซึ่งในบางอาทิตย์มันก็จะเหงาหงอย เนื่องจากคนมันไม่เคยหยุดถึงแม้นจะหยุดอยู่กับครอบครัวก็ตาม ก็เลยคิดว่าในบางอาทิตย์น่าจะมีอะไรที่เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ทำกันบ้างในหมู่เพื่อนครูสอนโยคะและลูกศิษย์ของผม

มีวันหนึ่งพี่สุธรรมที่เป็นครูสอนโยคะด้วยกัน ก็ชวนผมและลูกศิษย์ของผมไปเตะบอลด้วยกัน(พี่เขาอายุรุ่นเดียวกับคุณอาของผมเห็นจะได้ แต่ด้วยวงโคจรของการสอนโยคะจึงทำให้ผมและพี่สุธรรมรู้จักและสนิทสนมกัน)  เนื่องจากพี่สุธรรมได้ย้ายที่พักอาศัยมาอยู่ที่คอนโดฯแถวย่านห้วยขวาง ซึ่ง ณ คอนโดฯ นั้นเองก็มีการทำธุรกิจสนามฟุตบอลให้เช่าหลายสนามทีเดียว จึงทำให้พวกเราเกิดแนวคิดกันว่าน่าจะรวมตัวกันสัปดาห์ละครั้งเพื่อมาเตะฟุตบอลด้วยกัน

       (ครูสุธรรม, ครูเปรม, ครูปอนด์, ครูปีเตอร์ และครูจิมมี่)

แรกๆเราก็รวมตัวกันมาเตะกับทีมของทางสนาม ก็เล่นกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่ในบางครั้งก็ไปขอเล่นรวมกับทีมอื่นๆที่มาเช่าใช้สนามเลยล่ะครับ จนทำให้กลายมาเป็น ก๊วนโยคีเตะบอล ของพวกเรา จะว่าไปแล้วทักษะของพวกเราแต่ละคนก็สุดๆด้วยกันทั้งนั้นล่ะครับ พี่สุธรรม เคยมีดีกรี เป็นนักฟุตบอลของบริษัท ในสมัยที่พี่เขาทำงานใหม่ๆ(สุดยอดจริงๆ) ครูปอนด์ ลูกศิษย์ของผม เคยมีดีกรีเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลเยาวชนตัวแทนจังหวัด และเล่นฟุตบอลบ้างในบางครั้ง(สุดยอด) ครูเปรม ลูกศิษย์ของผม เคยเป็นนักกีฬาเซปักตะกร้อของวิทยาลัย และเล่นฟุตบอลบ้างในบางครั้ง(สุดยอด) ปีเตอร์ เป็นทั้งลูกศิษย์ของผมและพี่สุธรรม มีดีกรีเป็นนักกายภาพจากประเทศโปรแลนด์ ที่มีใจรักในการออกกำลังกายและก็เล่นฟุตบอลบ้างนานๆที(สุดยอด) ส่วนตัวผมเองเคยมีดีกรีเป็นถึงนักฟุตบอลตัวแทนโรงเรียนประจำจังหวัดในสมัยเรียนมัธยมฯปลาย(สุดยอด) แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีดีกรีสุดยอดทั้งนั้น แต่นั่นน่ะมันนานมาแล้ว พอมาถึง ณ ตอนนี้ สภาพแต่ละคนก็อย่างที่คิดไว้แหล่ะครับ ช่วงแรกๆก็วิ่งกันคึกคักดี ผ่านไป15นาที แทบจะคานออกจากสนามกันเป็นแถว  แต่ในที่สุดเมื่อรวมตัวมาเตะบอลกันบ่อยครั้งเข้า พวกเราก็เล่นกันเป็นชั่วโมงเกือบทุกครั้งที่ได้มาเตะบอลด้วยกัน

ผลที่ได้รับของการรวมตัวกันเตะบอลในแต่ละครั้งก็มีเย๊อะแย๊ะมากมายครับ นอกจากความสนุกสนานความมันส์ในหมู่คณะของพวกเราแล้ว ก็ยังมีสิ่งอื่นๆที่พวกเราได้รับอย่างชัดเจนคือ ตัวผมเองเกิดการมีปัญหากับรองเท้าเล็กน้อยจึงทำให้เล็บเท้าหลุดและมีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อบ้างพอประมาณ, พี่สุธรรมเคยถึงกับข้อเท้าบวม หน้าแข้งปูดจากการปะทะกัน, ส่วนคนอื่นๆก็มีฟกช้ำบ้างแผลทะหลอกบ้าง ซึ่งทุกๆคนในก๊วนของเราต่างก็สอนโยคะด้วยกันทั้งนั้น พูดกันง่ายๆก็คือได้ไม่คุ้มเสียล่ะครับ

คนอื่นก็ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอกครับ ผมกับพี่สุธรรมต่างก็มีครอบครัวกันแล้ว พอกลับถึงบ้านก็จะได้รับการต้อนรับจากศรีภรรยา ล่ะครับ เนื้อหาใจความก็สรุปได้ประมาณว่า อย่าให้รู้น๊ะว่าต้องงดคลาสสอนหรือหาคนไปสอนแทนเพราะเจ็บตัวจากการไปเล่นบอลมา ไม่ใช่เด็กๆแล้วน๊ะคุณ  อันนี้คือด่านแรกของผมกับพี่สุธรรม  ด่านที่สองคือเหล่านักเรียนของพวกเราแหล่ะครับ พอพวกเราต่างก็มีอาการแปลกๆตอนเดิน จึงทำให้ได้รับคำถามจากนักเรียนเป็นเสียงเดียวกันว่า ไปทำอะไรมาครู? ดูเดินแปลกๆน่ะ 555.. พอทราบคำตอบลูกศิษย์ก็มักจะมองผมแปลกๆและถามต่อว่า เตะบอลเป็นด้วยเหรอครู? ผมก็คิดในใจว่า อ้าวพูดแปลกๆรูปร่างเราไม่เหมาะกับการเตะบอลเลยหรืออย่างไรกัน

จากเหตุการณ์ดังกล่าวจึงทำให้ผมคิดว่าการบาดเจ็บจากการเตะฟุตบอลของพวกเรามีผลกระทบพอสมควรเลยทีเดียวกับอาชีพการสอนโยคะ หากวันหนึ่งวันใดเกิดโชคร้ายขาแข้งหักกันขึ้นมาคงไม่ดีแน่ๆ ผมจึงตัดสินใจประกาศแขวนรองเท้าเตะบอลให้ทุกคนในกลุ่มทราบและต่อมาอีกไม่นานก๊วนโยคีเตะบอลของพวกเราก็ล่มสลายไปในที่สุด และก็คิดว่าพวกเราน่าจะหากิจกรรมอย่างอื่นทำกันดีกว่าที่จะฝืนสังขารกันไปเตะบอล

และนี่ก็คือ กิจกรรมครั้งหนึ่งของพวกเราเหล่าโยคีในเมืองกรุง พอมาถึง ณ ตอนนี้พวกเราบางคนต่างก็มีภาระการสอนโยคะกันอย่างมากมายจึงทำให้การรวมตัวเจอกันในแต่ละครั้งค่อนข้างจะลำบาก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีโอกาสพวกเราก็จะไม่พลาดรวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารหรือเสวนากันตามประสาก๊วนครูโยคะ

มิตรภาพของพวกเราที่มีวิชาชีพเดียวกันนั้นเป็นสิ่งที่งดงาม ยากที่จะหาสิ่งใดมาเทียบได้ พวกเราก็เฝ้าหวังว่าเราจะยังคงเก็บรักษามิตรภาพอันดีงามระหว่างพวกเราไว้ตราบนานเท่านาน
  
ขอพลังแห่งโยคะและมิตรภาพอันดีงามจงอยู่กับพวกเราทุกๆคนตลอดไปเทอญ


นมัสเต,


จิมมี่โยคะ

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Jason Crandell เทพบุตรแห่งวงการโยคะ

Jason Crandell เทพบุตรแห่งวงการโยคะ

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเข้าร่วมโยคะเวิร์คชอฟที่ต่างประเทศหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน รวมจนถึงเอเชียโยคะคอนเฟอร์เร้นท์ที่ประเทศฮ่องกงด้วยครับ มีครูโยคะท่านหนึ่งที่ผมมักจะได้พบเจอกับเขาเป็นประจำ  เขาคือ Jason Crandell(เจสัน แครนเดลล์) ครูสอนโยคะคนนี้จริงๆแล้วอายุอานามของเขาก็ถือว่าไร่เรี่ยสูสีกับผมเลยล่ะครับ  เจสันเป็นครูสอนโยคะรุ่นใหม่ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เขามักได้รับเชิญให้ไปเป็นวิทยากรสอนโยคะในระดับนานาชาติเสมอๆ

จากการที่ผมได้เคยเข้าคลาสของเขาบ้าง ได้เคยพูดคุยกับเขาบ้าง จึงทำให้พอจะทราบได้ทันทีเลยว่าทำไม Jason Crandell(เจสัน แครนเดลล์) ถึงได้ถูกเลือกให้มาสอนในงานโยคะระดับชาติ-ระดับโลกเป็นประจำ เขาเป็นคนที่สุภาพมากๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส มีอัธยาศัยไมรตรี เป็นกันเอง อ่อนน้อมถ่อมตน มีชีวิตเรียบง่าย ชอบทำตัวกลมกลืนกับคนทั่วๆไปไม่โดดเด่น พูดง่ายๆว่า ถ้าเดินสวนกัน กับเจสัน แครนเดลล์ ตามท้องถนน คงไม่ทราบแน่ๆว่าเขาเป็นครูสอนโยคะ เขามักสวมใส่เสื้อยืดคอปกสีพื้นๆ กางเกงยีนส์ทรงธรรมดาๆทั่วๆไป รองเท้าผ้าใบในสไตล์แบบที่เรียบๆง่ายๆ และกระเป๋าสะพายข้างสไตล์เดียวกับที่พนักงานส่งเอกสารบ้านเรามักนิยมใช้กัน

                                         (ครูจิมมี่และครูเจสัน แครนเดลล์)

ส่วนสไตล์การสอนของ Jason Crandell(เจสัน แครนเดลล์) เขาสอนในสไตล์ หฐวินยาสะโยคะ(ขั้นพื้นฐาน-ขั้นกลาง) สอนแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่รีบไม่เร่ง พร้อมกับทรอดแทรกเทคนิคต่างๆในแต่ละท่าโยคะอาสนะอย่างน่าสนใจ จนทำให้ท่าฝึกธรรมดาๆกลายเป็นท่าที่น่าติดตามขึ้นมาทันที และที่สำคัญคือการใช้คำพูดและโทนเสียงของเขา ค่อนข้างผ่อนคลาย ชวนฟัง จึงทำให้คลาสของเขาได้รับความสนใจในกลุ่มผู้ฝึกโยคะที่ต้องการเรื่องของเทคนิควิธีการ ท่าไม่ถึงกับหนักมากแต่ก็ไม่ได้เบาเกินไปด้วยในเวลาเดียวกัน(เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาครับ)
 
 Jason Crandell(เจสัน แครนเดลล์)เรียนรู้ศาสตร์แห่งโยคะจากครู Rodney Yee(ร็อดนี่ย์ ยี) และครูโยคะที่มีชื่อเสียงอีกหลายต่อหลายท่านด้วยกัน  เขาเป็นที่รู้จักในวงการโยคะอย่างกว้างขวางเนื่องจาก เขามีผลงานร่วมกับโยคะเจอร์น่อล(อเมริกา) หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดความรู้ต่างๆทางด้านโยคะ ผ่านนิตยสารโยคะเจอร์น่อลและเว็บไซต์ของโยคะเจอร์น่อล มากกว่า13บทความ บทความทั้งหมดเป็นที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจนถูกเผยแพร่และแปลเป็นภาษาอื่นๆอีกมากมายหลายภาษา นอกจากนี้เขายังมีผลงานดีวีดี การสอนโยคะร่วมกับโยคะเจอร์น่อล 2ชุด คือ Yoga Journal DVDs, Yoga for Wellbeing และ Your Complete Home Practice Companion: Yoga for Morning, Noon, and Night.

ผมก็ไม่ค่อยจะแน่ใจสักเท่าไหร่นัก ว่าสาวกโยคะชาวไทยเราจะมีสักกี่คนกัน ที่เคยได้ยินชื่อเสียงหรือพอจะรู้จักคุ้นหูกับครูสอนโยคะที่ชื่อ Jason Crandell(เจสัน แครนเดลล์)

แต่ก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ เทพบุตรแห่งวงการโยคะคนนี้ อาจจะแวะเวียนมาเปิดโยคะเวิร์คชอฟให้กับสาวกโยคะในเมืองไทยของเราได้สัมผัสประสบการณ์โยคะระดับโลก

สามารถติดตามผลงานของ ครูเจสัน แครนเดลล์ ได้ในช่องทางดังต่อไปนี้

ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับทุกๆคนตลอดไป

นมัสเต,

จิมมี่โยคะ

ป้ายกำกับ

Powered By Blogger