เรื่องเล่า...จากครูโยคะ

เรื่องเล่า...จากครูโยคะ เป็นการรวบรวมเรื่องราวต่างๆจากประสบการณ์การสอนโยคะของครูจิมมี่ ถ่ายทอดออกมาเป็นบทความ สอดแทรกอารมย์ขัน เหมาะกับผู้ที่สนใจในการฝึกโยคะ, ครูฝึกโยคะและทุกๆคน ทุกเพศทุกวัย



สำหรับทุกๆท่านที่เพิ่งจะเข้ามาใช้บริการ อ่านบล็อก เรื่องเล่า...จากครูโยคะ โดยครูจิมมี่ สามารถเลือกคลิ๊กเข้าไปอ่าน บทความอื่นๆได้ ที่เดือนต่างๆ ซึ่งเรียงอยู่ทางด้านขวามือของบทความ ขอบพระคุณมากครับ



ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับคุณตลอดไป...นมัสเต...





วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

อาจเป็นบททดสอบจากเบื้องบน..สำหรับคนสอนโยคะอย่างผม

อาจเป็นบททดสอบจากเบื้องบน..สำหรับคนสอนโยคะอย่างผม
(อาจจะเป็นอวตารแห่งพระศิวะแอบมาทดสอบครูสอนโยคะอย่างผมก็เป็นได้)

ผมมีประสบการณ์หนึ่งเกี่ยวกับการสอนโยคะของผมที่อยากจะแชร์ให้ทุกๆท่านได้อ่านครับ ผมยังคงจดจำเหตุการณ์ดังกล่าวได้อย่างแม่นยำและไม่มีวันลืมเลือน...


เหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้นกับผม สักประมาณเมื่อ8-9ปีที่แล้วครับ  แน่นอนครับ ตอนนั้นผมเองก็เพิ่งจะเริ่มสอนโยคะได้ไม่นานล่ะครับ น่าจะสอนโยคะได้เพียงแค่2-3ปีเท่านั้น(เป็นช่วงที่กำลังร้อนวิชา...แต่ก็มีบาดแผลในใจพอประมาณจากการสอนโยคะแล้วล่ะครับ ณ ตอนนั้น) มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชื่อท่าฝึกโยคะอาสนะต่างๆที่ผมใช้สอนน่ะครับ คงพอจะเข้าใจใช่ไหมล่ะครับ ว่าท่าโยคะน่ะมีเย๊อะโคตรๆ เราก็ต้องเลือกเอาล่ะครับ ว่าเราจะเลือกจดจำชื่อท่าโยคะอาสนะแต่ล่ะท่าเป็น ภาษาอะไรดี ไทย / อังกฤษ / สันสกฤต ซึ่งระดับสติปัญญาอย่างผมก็คงจะจำชื่อท่าโยคะอาสนะได้เพียงบางท่าเท่านั้นล่ะครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นท่าหลักๆที่เรามักจะใช้สอนเป็นประจำน่ะครับ แต่ก็มีบ่อยครั้งที่เรามักจะนำท่าโยคะอาสนะที่เราไม่รู้จักมาสอน เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศและสร้างความท้าทายให้กับผู้ฝึก แต่ก็ไม่ได้เป็นท่าที่โหดร้ายทารุณหรือดัดตัวกันจนหนักหนาสาหัสมากเกินไป...แล้วก็มักจะมีคำถามตามมาทันทีล่ะครับว่า "ครูๆ ไอ้ท่าโยคะที่ครูสอนวันนี้มันชื่อท่าอะไรน่ะครับ เอ่อ.ที่ครูสอนใหม่วันนี้น่ะครับ?" บางท่าที่เรามีการตระเตรียมการมาเป็นอย่างดี เราก็พอจะตอบได้ล่ะครับ...แต่มันเหมือนเป็นเวรกรรมตรงที่ว่าไอ้ท่าที่เขาชอบถามเราดันเป็นท่าที่เราไม่รู้ชื่อหรือจำชื่อไม่ได้(มันเป็นซะอย่างนั้น) อันนี้เกิดขึ้นกับผมเป็นประจำในช่วงนั้น ผมก็ทำเท่าที่สามารถทำได้ล่ะครับ ว่ากันตรงๆ ท่าไหนทราบก็บอก หากไม่ทราบก็บอกไปเลยว่าไม่ทราบแต่ถ้าเขายังอยากรู้อยู่ก็จะไปติดตามค้นคว้าเสาะแสวงหาให้


วันหนึ่ง เป็นวันที่ผมก็ต้องไปสอนโยคะตามปกติ ตามตารางชีวิตของผมนี่แหล่ะ ก็มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งรูปร่างกำยำล่ำสัน แต่ใส่แว่นตาดูเป็นประเภทคงแก่เรียนนิดๆ เข้ามาฝึกโยคะในคลาสของผมด้วย ส่วนใหญ่แล้วในคลาสโยคะที่ผมสอนโดยทั่วๆไป ประมาณ90เปอร์เซ็นต์จะเป็นสุภาพสตรีล่ะครับที่มาเข้าคลาส ส่วนอีก10เปอร์เซ็นต์ ก็จะเป็นสุภาพบุรุษแท้บ้างไม่แท้บ้างประปรนกันไปตามแต่โอกาส สุภาพบุรุษท่านนี้พอจบคลาสแล้วก็เดินตรงปรี่มาหาผมทันทีเลยล่ะครับ มาพร้อมกับข้อสงสัยต่างๆนานาพอประมาณ แน่นอน เขาก็ถามชื่อท่าโยคะอาสนะที่เขาอยากทราบ...ซึ่ง ณ ตอนนั้นผมก็ไม่ทราบไอ้ชื่อนั้นซะด้วย พร้อมกับถามต่อถึงสรรพคุณต่างๆของท่าดังกล่าวด้วย...เมื่อผมไม่ค่อยทราบข้อมูลมากนักจึงตอบไปเท่าที่ทราบแล้วก็บอกว่าจะไปค้นคว้าข้อมูลมาตอบให้ในครั้งต่อไปของการเรียนการสอน...


เมื่อถึงการสอนครั้งต่อไปที่นี่เวลาเดิมสุภาพบุรุษท่านนี้ก็มาตามนัดเลยล่ะครับ มาเข้าร่วมคลาสตามปกติทำท่าโยคะอาสนะได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการฝึกเป็นอย่างมาก(ไม่เหมือนบางท่านที่มาเข้าคลาสโยคะเพียงเพราะตามกระแสนิยม) พอผมสอนเสร็จเขาก็รีบเดินเข้ามาหาผมทันทีและผมจึงบอกชื่อท่าโยคะอาสนะที่ติดค้างไว้ในครั้งที่แล้วให้เขาทราบพร้อมทั้งสรรพคุณต่างๆของท่าโยคะอาสนะนั้น เขาค่อนข้างแสดงออกทางสีหน้าถึงความพึงพอใจเป็นอย่างมากกับคำตอบที่ได้รับ ผมก็คิดว่าเรื่องคงจะจบแล้ว แต่ไม่ครับพี่แกเอ่ยปากก่อนผมจะเดินหันหลังว่า "ครูครับอีกนิดหนึ่ง" ณ ตอนนั้นผมคิดในใจแค่ว่า ไอ้ที่ว่าอีกนิดหนึ่งของแกนี่ สงสัยคงไม่ใช่งานง่ายสำหรับฉันอีกแล้วล่ะมั๊งเนี่ย...ดังที่คิดไว้พี่แกรีบถามตามมาทันทีว่า"แล้วท่าวันนี้ล่ะครับครู ท่านี้ผมทำให้ดูครู แล้วพี่แกก็ทำท่าให้ดู ตอนสอนท่านี้ครูไปค่อนข้างไวน่ะครับ ผมว่าครูยังไม่ได้บอกชื่อท่าแล้วก็มันช่วยบริหารกล้ามเนื้อส่วนไหนน่ะครับ???" มันมาอีกแล้ว (ที่ฉันไม่บอกชื่อท่าและสรรพคุณต่างๆและไปค่อนข้างไปไวสักนิดหนึ่งในการทำท่านี้เพราะฉันไม่ค่อยทราบข้อมูลของท่านี้อ่ะซิว๊ะ) ผมคิดในใจแค่ว่าเอาอีกแล้ว โดนอีกแล้วเรา...เช่นเคยผมก็บอกเขาเท่าที่ทราบ ไอ้ที่ไม่ทราบจะกลับไปทำการบ้านหาข้อมูลมาบอกให้ในครั้งต่อไป แล้วผมก็คิดในใจเล่นๆว่าแล้วทำไมถ้าเขาอยากทราบแล้วไม่ไปหาข้อมูลเอาเองล่ะ? พอมาคิดไปคิดมามันก็น่าสนใจตรงที่ว่า ถ้าเขาฝึกโยคะแล้วมาถามชื่อท่าฝึกกับครูผู้สอนโยคะว่าท่านี้ชื่ออะไร? แล้วครูผู้สอนดันตอบเขาไม่ได้ แล้วจะให้เขาไปถามกับใครล่ะครับ???...ถ้าคิดดีๆแล้วมันเป็นการบ่งบอกถึงการไม่ค่อยได้เอาใจใส่ในอาชีพของเรา เขาอาจจะเข้าใจได้ว่าเราเป็นพวกสักแต่ว่าพอสอนได้ทำท่าโยคะอาสนะต่างๆได้..แล้วก็มาสอนไม่ได้รู้ข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับโยคะ ร่ำเรียนมาจากไหนก็ไม่รู้...



(หนังสือ Light on Yoga พี่ซิงซื้อมาฝากผมจากอินเดีย เมื่อวันที่๒๘สิงหาฯ๒๕๔๕) 

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาตำราโยคะต่างๆก็มักจะอยู่ไม่ห่างกายผมเลยล่ะครับ ช่วงนั้นเล่มยอดฮิตที่สุดของผมก็คือ Light on Yoga ของท่าน บีเคเอส ไอเยนคาร์ ที่เลือกเล่มนี้เพราะว่าเล่มเดียวสามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบครัน ทั้งมีท่าเย๊อะ มีชื่อท่าครบถ้วน มีประโยชน์และข้อควรระวังต่างๆในแต่ละท่าอย่างชัดเจน และใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ระดับความสามารถภาษาน้อยนิดอย่างผมพอเข้าใจได้ไม่ยากนัก ช่วงนั้นเล่มนี้ก็จะติดกระเป๋าเกือบตลอดเวลาเลยล่ะครับ(ปัจจุบันหนังสือเล่มนี้ก็ยังอยู่ในชั้นวางหนังสือของผม..ถึงแม้นสภาพของมันจะค่อนข้างเสื่อมโทรมไปพอสมควรกับการเวลาก็ตาม แต่เห็นทีไรมีคุณค่าทางจิตใจและทำให้ผมได้หวนรำลึกนึกถึงเรื่องนี้เสมอ) ผมท่องจำชื่อท่าโยคะอาสนะรวมจนถึงประโยชน์ต่างๆของแต่ละท่าอยู่หลายสัปดาห์ โดยที่สุภาพบุรุษท่านนี้ที่มักมาเข้าคลาสโยคะกับผมสัปดาห์ละ ๑-๒ครั้ง ก็ยังคงมีพฤติกรรมเช่นเดิม แต่ในครั้งหลังๆมานี้มันเกิดความเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากเดิมตรงที่ว่า ผมไม่ต้องกลับไปหาข้อมูลมาตอบแล้ว ผมสามารถตอบคำถามต่างๆเกี่ยวกับโยคะที่เขาอยากทราบได้แบบทันทีทันใด (ใครจะเชื่อว่า ณ ตอนนั้นผมสามารถจดจำชื่อท่าต่างๆเกือบทุกท่าแบบเป็นภาษาอังกฤษและภาษาสันสกฤตในหนังสือ Light on Yoga ได้จนหมดอย่างน่าอัศจรรย์ใจ)เขายิ้มอย่างพอใจแบบสุดๆและเป็นรอยยิ้มที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาจริงจัง, จริงใจและชื่นชม หลังจากนั้นมาผมก็ไม่เคยพบเจอสุภาพบุรุษท่านนีในคลาสโยคะของผมอีกเลย ทั้งๆที่เขาเคยมาเข้าคลาสโยคะกับผมหลายครั้ง(คิดว่าไม่น่าจะถึง๑๐ครั้ง)และคุยกันหลายครั้งแต่ผมก็ไม่เคยถามชื่อ และสอบถามว่าเขาเป็นใครมาจากไหนเลย...ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ผมก็ไม่เคยพบเจอเขาอีกเลย...


จึงทำให้ผมเกิดคิดขึ้นมาแบบอาศัยหลักความเชื่อต่างๆตามปรัชญาแห่งโยคะเข้ามาเชื่อมโยงว่า...สุภาพบุรุษท่านนี้อาจจะถูกส่งมาจากที่ใดสักที่หนึ่งและมีภารกิจคือทำให้ผมมีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้นในการสอนโยคะ...เมื่อเขาเห็นว่าผมผ่านบททดสอบดังที่เขาพอใจแล้วเขาก็จากไปและอาจจะกำลังไปปฏิบัติภารกิจเช่นเดียวกันนี้กับครูสอนโยคะท่านอื่นๆก็เป็นได้ ที่บรรยายมานี้อาจจะเป็นบททดสอบจากเบื้องบน..สำหรับคนสอนโยคะอย่างผม หรือสุภาพบุรุษท่านนี้อาจจะเป็นอวตารแห่งพระศิวะที่มามาทดสอบครูสอนโยคะอย่างผมก็เป็นได้...ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามแต่สิ่งที่ผมพอจะทำได้เพื่อเป็นการตอบแทนคือผมจะทำหน้าที่ในการเป็นครูสอนโยคะของผมอย่างสุดความสามารถและทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ สาเหตุก็ง่ายๆแค่เพียงเพราะว่าการสอนโยคะเป็นอาชีพที่ผมรักและศรัทธา...ผมทำอาชีพนี้แล้วผมมีความสุข...


จงอย่ากลัวที่จะล้มเหลว ในการทำในสิ่งที่คุณรักและศรัทธา...จงทำมันอย่างเต็มความสามารถ...ถึงแม้นว่าในบางครั้งคุณอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้กับความล้มเหลว จนนำมาสู่ซึ่งความท้อแท้และสิ้นหวัง... แต่ตราบใดที่คุณยังมีความรักและศรัทธา ความล้มเหลวที่ผ่านมาจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ ที่จะทำให้คุณแข็งแกร่งและก้าวเดินต่อไปอย่างไม่หวาดหวั่น ในฐานะของผู้ที่มีประสบการณ์
(ความกลัวและความวิตกกังวลจนมากเกินไป ทำให้ความสามารถที่แทจริงของคุณลดลง)


ขอพลังแห่งโยคะ ความรักและศรัทธาจงอยู่กับคุณตลอดไป บุญรักษา พระคุ้มครอง


นมัสเต,


จิมมี่โยคะ


ป้ายกำกับ

Powered By Blogger