เรื่องเล่า...จากครูโยคะ

เรื่องเล่า...จากครูโยคะ เป็นการรวบรวมเรื่องราวต่างๆจากประสบการณ์การสอนโยคะของครูจิมมี่ ถ่ายทอดออกมาเป็นบทความ สอดแทรกอารมย์ขัน เหมาะกับผู้ที่สนใจในการฝึกโยคะ, ครูฝึกโยคะและทุกๆคน ทุกเพศทุกวัย



สำหรับทุกๆท่านที่เพิ่งจะเข้ามาใช้บริการ อ่านบล็อก เรื่องเล่า...จากครูโยคะ โดยครูจิมมี่ สามารถเลือกคลิ๊กเข้าไปอ่าน บทความอื่นๆได้ ที่เดือนต่างๆ ซึ่งเรียงอยู่ทางด้านขวามือของบทความ ขอบพระคุณมากครับ



ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับคุณตลอดไป...นมัสเต...





วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

ฤดูฝน...กับความลำบากลำบน ของคนสอนโยคะ


ฤดูฝน...กับความลำบากลำบน ของคนสอนโยคะ

เชื่อว่าทุกๆท่านคงมีฤดูที่ตนเองโปรดปรานกันอยู่ในใจ ก็คงเช่นเดียวกันกับผม มีฤดูโปรดปรานในใจ แต่ฤดูที่รู้สึกว่าทรมารใจ อยากจะให้ผ่านฤดูนี้ไปให้เร็วที่สุดก็คือ ฤดูฝน(ไม่ใช่ฤดูอกหัก ของแคลอรี่ บาห์ บาห์ นะครับ) ในชีวิตการเป็นครูสอนโยคะของผม การไปสอนไม่ตรงเวลา มาสอนสายนั้นถือว่าเป็นเรื่องแย่มากๆสำหรับผม มีไม่บ่อยครั้งนักที่ทำให้ผมต้องไปสอนไม่ทันเวลา มาสอนสาย และส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นในฤดูฝน
การตรงต่อเวลาเป็นคุณสมบัติข้อแรกๆ ที่ครูสอนโยคะแบบอิสระต้องยึดหมั่น ในบางวันที่ผมมีงานสอนต่อเนื่องหลายชั่วโมง และต้องเดินทางเปลี่ยนที่สอนแบบทำเวลา จึงทำให้หลายต่อหลายครั้งผมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้บริการ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง เพราะสภาวะการจราจรที่ติดขัดในเมืองหลวง มันดูจะเป็นการคมนาคมที่ดูจะมีความเสี่ยงพอสมควร แต่ก็เป็นหนทางที่ทำให้ครูสอนโยคะแบบอิสระอย่างผมไปสอนได้ตรงตามเวลา ในช่วงฤดูฝนความเสี่ยงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ตามที่เราเคยได้ยินอย่างคุ้นหูว่า ฝนตกถนนลื่น ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ค่อยดี มักมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเป็นประจำ ดังนั้นช่วงที่ฝนตกมอเตอร์ไซด์รับจ้างหลายๆคันก็ไม่อยากเสี่ยงที่จะขับรถในช่วงที่ฝนตก จึงทำให้หา รถมอเตอร์ไซด์รับจ้างได้ยากในช่วงที่ฝนตก และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมไปสอนไม่ทันเวลา

จากสิ่งที่ผมกล่าวมาข้างต้นบวกกับประสบการณ์การสอนโยคะเกือบ 10ปีของผม ทำให้ผมพบสัจธรรมชีวิตของครูสอนโยคะแบบอิสระอีกข้อหนึ่งว่า ผู้ที่ตกลงว่าจ้างเราไปสอน(นายจ้าง) ส่วนใหญ่เขามักจะไม่สนใจหรอกว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไรเราจึงไปสอนสายไม่ตรงต่อเวลา เขารู้เพียงแค่ว่าเขาจ้างเราไปสอนเวลานี้ เราก็ต้องไปสอนเวลานี้ เพราะการไปสอนสายของเรานั้นธุรกิจของเขาอาจเสียหายได้ และที่สำคัญถ้าหากเราไปสอนไม่ตรงเวลาบ่อยๆเขาก็มีโอกาสเลิกจ้างเราไปสอนสูงมาก ข้อนี้เป็นสิ่งที่คนสอนโยคะในวงการทราบกันดี

ผมมีเหตุการณ์ 2-3 เหตุการณ์จะบรรยายให้ได้อ่านเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักในการเดินทางไปสอนโยคะในช่วงฤดูฝนของผม

เหตุการณ์ที่ 1 ขอตั้งชื่อเรื่องว่า "เปียกหมดเลยน๊ะครู"
วันนั้นเป็นค่ำวันศุกร์ ฝนตกพอประมาณด้วยความรีบเร่งผมจึงใช้บริการมอเตอร์ไซด์รับจ้างเพื่อไปสอนให้ทันเวลา 19.30น. ณ โรงแรมสามดาวแห่งหนึ่งย่านสนามศุภฯ วันนั้นไม่ทันฟังการพยากรณ์อากาศ จึงไม่ได้เตรียมอุปกรณ์กันฝน ผมมาถึงตรงตามเวลาพอดีแต่อยู่ในสภาพเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ แจ็คพอต ตรงที่ไม่มีชุดสำรองมาเปลี่ยน และพนักงานที่นั่นก็ไม่มีใครมีชุดสำรองให้ผมยืมด้วย ผมจึงจำเป็นต้องสอนทั้งเปียกๆโดยมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งคอยห่อตัวไว้และอีกผืนปูบนMatโยคะเพื่อคอยซับน้ำจากตัวที่เปียกของผม เท่ากับว่าผมไม่สามารถเคลื่อนที่เดินสอนได้เพราะจะทำให้น้ำหยดเป็นทาง วันนี้ผมจึงเป็นครูที่ต้องปักหลักสอนอยู่กับที่ สมาชิกที่มาเรียนโยคะท่านหนึ่งคงสมเพชกับผมจนทนไม่ไหว จึงเดินออกไปถามเจ้าหน้าที่ฟิตเนสว่ามีชุดอะไรที่พอจะให้ครูสอนโยคะยืมใส่สอนไหม(ผมเริ่มมีความหวังขึ้นมา) แต่คำตอบที่ได้รับรวดเร็วทันใจมาก ว่าไม่มีหรอกเพราะตอนนี้มีแต่พนักงานหญิงคงไม่มีชุดให้ยืมแน่ๆ สมาชิกท่านนั้นได้พยายามช่วยผมอย่างเต็มที่แล้ว ต่อไปก็คงเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องสอนโยคะทั้งเปียกๆ ไปจนจบชั่วโมง พอสอนเสร็จนักเรียนท่านหนึ่งพูดแบบแซวๆว่า "เปียกหมดเลยน๊ะครู" ตั้งแต่เกิดมาก็เคยได้ยินแต่โยคะร้อน แต่วันนี้ครูจิมมี่ต้องมาสอนโยคะเปียก(สุดยอดจริงๆเลย)

เหตุการณ์ที่ 2 ขอตั้งชื่อเรื่องว่า "วันนี้แต่งตัวแปลกๆน๊ะครู"
ก็เป็นเช่นเคยเมื่อฝนตกเราก็ต้องลุยฝนไปสอน ก็ต้องใช้บริการรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง เป็นการไปสอนให้ฟิตเนสใหญ่แห่งหนึ่งย่านชานเมือง คราวนี้ผมมาถึงที่สอนก่อนเวลาเล็กน้อย ถึงแม้จะมีประสบการณ์ในเหตุการณ์แรกมาแล้ว ผมก็ยังลืมนำชุดสำรองติดตัวมาด้วยในวันนี้ จึงทำให้ผมต้องตัวเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำอีกครั้ง ผมจึงเริ่มถามพนักงานฟิตเนสว่า "มีใครพอจะมีชุดสำรองให้ผมยืมบ้างไหมครับ?" มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งน้ำใจงามมากๆ เธอบอกว่า "มีค่ะแต่ไม่รู้ว่าจะใส่ได้หรือเปล่า แต่ดูจากรูปร่างน่าจะได้อยู่สูสีกัน" ใช่รูปร่างของน้องผู้หญิงใกล้เคียงกับผม แต่ด้วยทรงของกางเกงขายาวมันก็จะดูพอดีตัวไปนิดหนึ่ง ส่วนเสื้อมันก็เบอร์เล็กกว่าที่ผมเคยสวมใส่อยู่เล็กน้อย วันนี้จึงทำให้ผมมีสไตล์การแต่งกายมาสอนที่แปลกแตกต่างจากเดิม(เสื้อเล็ก, กางเกงเล็ก เด็กแนวชัดๆ) พอสมาชิกหลายๆคนเห็นผมในชุดนี้ก็อมยิ้มแล้วสะกิดต่อๆกัน ให้หันมามองที่ผม(ทำเหมือนเราเป็นตัวประหลาด) แล้วก็มีสมาชิกหัวโจกคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า "วันนี้แต่งตัวแปลกๆน๊ะครู" สิ่งที่ผมพอจะทำได้เพื่อแก้เก้อเขินก็คือ ก่อนสอนผมจึง บอกกับสมาชิกทุกท่านให้ทราบว่า ผมเปียกฝนจึงต้องมาขอยืมชุดคนอื่นใส่สอนแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วเหตุการณ์ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี

เหตุการณ์ที่ 3 ขอตั้งชื่อเรื่องว่า "จิมมี่ทำไม ไม่รับโทรศัพท์?"
เหตุการณ์นี้เป็นฝันร้ายครั้งหนึ่งในชีวิตการสอนโยคะของผมเลยก็ว่าได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เดียวกับเหตุการณ์ที่ 2 ที่เป็นฝันร้ายก็เพราะว่าผมมาสอนสายไม่ทันเวลา เนื่องจากฝนตกหนักมากๆ ต้องวิ่งหามอเตอร์ไซด์อยู่นานวึ่งมอเตอร์ไซด์ส่วนใหญ่หยุดหลบฝน งดบริการ กว่าจะได้รถก็ได้เวลาสอนแล้ว เจ้าหน้าที่ฟิตเนสที่ทำหน้าที่ประสานงานกับผมเห็นว่าถึงเวลาสอนแล้วผมยังไม่มาสักที เขาจึงพยายามโทรศัพท์หาผมหลายครั้งมากๆ แต่ในขณะนั้นผมไม่สามารถรับสายได้จริงๆเนื่องจากนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์และฝนก็ตกหนักมากๆด้วย ทางฟิตเนสเห็นท่าไม่ดี จึงให้น้องคนหนึ่งที่สามารถสอนโยคะได้เข้าไปสอนแทนผม สมาชิกบางท่านถึงขั้นไม่ยอมเรียนเมื่อเห็นว่าผมไม่มาสอน พอผมมาถึงก็เลยเวลาสอนไปประมาณ 20นาทีแล้ว พนักงานต้อนรับแนะนำให้ผมรีบเข้าไปสับเปลี่ยนสอนในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ผมเดินคอตกเข้ามาพร้อมกับกล่าวขอโทษสมาชิกทุกท่านที่ผมมาสอนสาย สมาชิกหลายๆท่านเข้าใจเป็นอย่างดี แต่คนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจผมในตอนนั้นเห็นจะเป็นพนักงานที่ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับผม เพราะเขาได้รับความกดดันจากสมาชิกในตอนที่ถึงเวลาสอนแล้วผมยังไม่มาสักที เขาจึงค่อนข้างเครียดมากๆทีเดียว ตรงนี้ผมเข้าใจเป็นอย่างดี หลังจากที่ผมสอนเสร็จก็อดไม่ได้ที่จะต้องกล่าวขอโทษสมาชิกทุกท่านอีกครั้ง แล้วก็ต้องไปพบกับผู้ที่ทำหน้าที่ประสานงานกับผมเพื่อทำการขอโทษเขา พอเขาเจอหน้าผม ผมก็สัมผัสได้ทันทีถึงรังษีอำมหิตที่เปล่งประกายออกมาจากสีหน้าและแววตาของเขา คำพูดแรกที่ออกมาจากปากเขาผมยังคงจำได้ขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้คือ "จิมมี่ทำไม ไม่รับโทรศัพท์?" และก็ตามมาด้วยประโยคอื่นๆอีกมากมาย สิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดในตอนนั้นก็คือยกมือไหว้แล้วกล่าวคำขอโทษ เขาจึงค่อยๆมีอาการที่เย็นลง(แต่จากคำถามแรกของเขา ผมได้แต่คิดตอบเขาในใจคนเดียวว่า "กูก็อยากจะรับ แต่มันรับสายไม่ได้จริงๆ") พอเขาอารมณ์เย็นลงเราก็คุยกันรู้เรื่องมากขึ้น แล้วเหตุการณ์ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี

จึงทำให้ผมเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองเลยว่าเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนอุปกรณ์กันฝนต้องพร้อมเสมอ แล้วถ้าจะให้ดีก็ต้องมีชุดสำรองสำหรับใส่สอนเตรียมเอาไว้ด้วย แล้วที่สำคัญหากเห็นท่าว่าจะไปสอนไม่ทันจริงๆก็ต้องรีบโทรแจ้งเขาก่อนว่าเราจะไปถึงอีกกี่นาที แล้วขอให้เขาช่วยแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ก่อน

จึงเป็นกรณีศึกษาให้หลายๆท่านที่เป็นครูสอนโยคะอยู่แล้วแต่ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ หรือกำลังจะมาเป็นครูสอนโยคะได้นำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมต่อไป จะได้มีความพร้อมกับการเดินทางไปสอนโยคะในช่วงฤดูฝน

ขอพลังแห่งการสอนโยคะจงอยู่กับผมและทุกๆคนตลอดไป

รบกวนทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านบล็อก ทั้งตั้งใจและบังเอิญเข้ามาอ่านก็ดี ทุกความคิดเห็นของท่านมีความสำคัญมากสำหรับผม โปรดช่วยแสดงความคิดเห็น ด้านล่างของบทความทุกบทความ เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข ให้กับผู้เขียนในโอกาสต่อไป ขอบคุณมากๆ ครับ

นมัสเต,

จิมมี่โยคะ

6 ความคิดเห็น:

  1. ชอบเล่นโยคะเหมือนกันค่ะ บังเอิญมาเจอ blog ของครูจิมมี่ อ่านแล้วได้ความรู้และสนุกดี ขอบคุณมากค่ะ ที่แชร์เรื่องราวให้อ่าน เขียนบ่อยๆ นะค่ะ รออ่านทุกวันเลยค่ะ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากๆครับ สำหรับการแวะเวียนเข้ามาอ่านบทความ และกำลังใจที่ให้มา ถ้าว่างก็อย่าลืมสมัครเป็นสมาชิกล่ะ พอมีบทความใหม่จะได้ส่งเมล์ไปแจ้งให้ทราบ

    นมัสเต

    จิมมี่โยคะ

    ตอบลบ
  3. มาลงชื่ออ่านบทความ

    ได้รู้จัก โยคะเปียก อีกคลาส 555

    หน้าฝน ก็ต้องเตรียมชุดสำรองเผื่อไว้

    โชคดี ไม่ได้ หวัด เป็นของแถม

    ตอบลบ
  4. ขำก็ขำ สงสารก็สงสาร ไม่มีใครอยากสายถ้าไม่จำเป็นจริงๆ

    ตอบลบ
  5. ตกลง จะสงสารหรือสมน้ำหน้าผมครับ...พี่น้องครับ

    ตอบลบ
  6. เออ ธรรมฃาติของมนุษย์

    ตอบลบ

ความคิดเห็น ของคนในวงการโยคะ

ป้ายกำกับ

Powered By Blogger