พันธะ (bandha ซึ่งโดยสากลแล้วคำนี้จะออกเสียงว่า "บานดะ") มีบทบาทสำคัญในกระบวนการชำระล้างของโยคะ
ผมได้อธิบายแล้วว่าปราณยามช่วยลดของเสียในร่างกายโดยการควบคุมอัคนีหรือไฟแห่งชีวิตได้อย่างไร
พันธะคือเครื่องมือที่จะช่วยเน้นหนักกระบวนการดังกล่าว
คัมภีร์เก่าแก่บอกเราว่าการใช้พันธะจะช่วยนำอัคนีไปยังบริเวณที่ของเสียสะสมอยู่
ของเสียเหล่านี้จะขัดขวางการเคลื่อนของพลังในร่างกาย
พันธะจะช่วยขยายผลของไฟในการชำระล้าง คำว่า พันธะ หมายถึง “ประสานหรือผูกเข้าด้วยกันหรือใกล้ชิดกัน” เมื่อนำมาใช้ในโยคะ คำว่า พันธะ ยังหมายถึง “การปิด” อีกด้วยเวลาที่เราฝึกพันธะเราปิดพื้นที่บางส่วนของลำตัวด้วยวิธีการบางอย่าง
พันธะที่สำคัญที่สุด 3 อย่างได้แก่
ชาลันธรพันธะ (jalandhara bandha) อุททียานพันธะ (uddiyana bandha)
และมูลพันธะ (mula bandha) ชาลันธรพันธะใช้คอและกระดูกสันหลังส่วนบนและทำให้กระดูกสันหลังทั้งหมดเหยียดตรง อุททียานพันธะมุ่งไปที่บริเวณระหว่างกระบังลม
และฐานของกระดูกเชิงกราน ส่วนมูลพันธะที่ใช้บริเวณระหว่างสะดือและฐานของกระดูกเชิงกราน
วิธีฝึกพันธะ
การเรียนรู้เกี่ยวกับพันธะคุณจะต้องเรียนกับครู
ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะเรียนรู้เทคนิคเหล่านี้ได้อย่างปลอดภัย ในการเรียนรู้วิธีการเกี่ยวกับพันธะคุณควรจะเริ่มจากชาลันธรพันธะเสมอ
คุณควรจะฝึกพันธะแบบนี้จนชำนาญก่อน จึงจะเรียนรู้พันธะอีก 2 อย่าง
ชาลันธรพันธะ(Jalandhara bandhaซึ่งโดยสากลแล้วคำนี้จะออกเสียงว่า"จาลันทะระ บานดะ")
ภาพที่ 1
แสดงให้เห็นถึงตำแหน่งของพันธะทั้งสามที่กล่าวถึงในที่นี้
เวลาเริ่มฝึกชาลันธรพันธะ ให้เรายกกระดูกสันหลังให้ตรง
จากนั้นรั้งศรีษะไปด้านหลังเล็กน้อย ยืดคอให้ตรงและก้มคางลง
ตราบใดที่คางยังก้มลงและหลังตรงเราก็อยู่ในชาลันธรพันธะ
พันธะนี้สามารถฝึกได้ในอาสนะหลายอาสนะแม้จะไม่ใช่ทุกอาสนะ
ภาพที่ 1:
ตำแหน่งของลาลันธรพันธะ อุททียานพันธะ และมูลพันธะ
อุททียานพันธะ(Uddiyana bandhaซึ่งโดยสากลแล้วคำนี้จะออกเสียงว่า"อูดิยานะ บานดะ")
คุณต้องแน่ใจและสามารถฝึกชาลันธรพันธะจนชำนาญก่อน
จึงจะทดลองฝึกอุททียานพันธะ ในพันธะแบบนี้กระบังลมและท้องส่วนล่างจะถูกยกขึ้น
ในขณะที่เริ่มหายใจออกให้หดท้องเข้ามา
เมื่อหายใจออกจนสุดแล้วท้องควรหดเข้าไปเต็มที่
จากนั้นแขม่วท้องขึ้นและหดเข้าไปหากระดูกสันหลัง การหดท้องในลักษณะนี้จะทำให้กระบังลมยกขึ้น
เมื่อฝึกพันธะนี้จนชำนาญแล้ว สะดือจะเคลื่อนเข้าหากระดูกสันหลัง
ทวารหนักและกล้ามเนื้อหลังจะหดตัว เวลาที่ฝึกพันธะนี้อย่างสมบูรณ์
บริเวณท้องทั้งหมดจะกลวง
ภาพที่ 2 : ท่าอาสนะง่าย
ๆ ที่ใช้ฝึกพันธะ ได้แก่ (1) ตฑากะมุทรา และ
(2) อโธมุขะศวานาสนะ หลังจากสามารถฝึกพันธะในท่าทั้งสองนี้ได้จน
ชำนาญแล้ว
จึงค่อยคิดที่จะฝึกพันธะในท่ามหามุทรา – mahamudra (3)
ในการฝึกพันธะนี้
สิ่งสำคัญอย่างยิ่งก็คือการหดและคลายท้องจะต้องทำอย่างช้า ๆ อย่างเช่น
ถ้าคุณกลั้นหายใจหลังจากหายใจออกไปเวลา 10 วินาที คุณควรใช้เวลาอย่างน้อย 2
วินาทีในการคลายกล้ามเนื้อท้อง ถ้าท้องไม่ผ่อนคลายเต็มที่จริง ๆ
หลังจากทำอุททียานพันธะการหายใจ เข้าครั้งต่อไปจะถูกจำกัด และคุณจะเกิดอาการสำลัก
คุณจะรู้สึกถึงอุททียานพันธะได้ง่ายในอาสนะง่าย ๆ บางท่า เช่น ท่าตฑากระมุทรา (tadaka mudra)
และท่าอโธมุขะศวานาสนะ (adhomukha svanasana) (ดูภาพที่ 2)
มูลพันธะ (Mula bandha ซึ่งโดยสากลแล้วคำนี้จะออกเสียงว่า"มูลา บานดะ")
มูลพันธะเป็นการฝึกต่อเนื่องจากอุททียานพันธะ
โดยผ่อนคลายทองส่วนบนและกระบังลม แต่ท้องส่วนล่างยังหดอยู่
พูดอีกอย่างคือบริเวณใต้สะดือยังคงหดอยู่ ในขณะที่บริเวณเหนือสะดือผ่อนคลาย เราเคลื่อนจากอุททียานพันธะ
โดยการกลั้นหายใจหลังหายใจออกในขณะที่ฝึกพันธะทั้งสองแบบ
และเราสามารถค้างอยู่ในมูลพันธะระหว่างการหายใจเข้าครั้งต่อไปได้
พันธะและอาสนะ
เราควรจะเริ่มฝึกพันธะในท่าอาสนะง่าย
ๆ เพื่อว่าร่างกายจะได้คุ้นเคยกับมัน ภาพที่ 2 แสดงให้เห็นถึงอาสนะเหล่านี้
ท่าที่ง่ายที่สุดคือนอนหงาย และยกแขนวางบนพื้นเหนือศรีษะ (1)
เราสามารถฝึกอุททียานพันธะในท่านี้ได้ ท่านี้เรียกว่า ตฑากะมุทรา คำว่า ตฑากะ
หมายถึง สระน้ำขนาดใหญ่บนพื้นโบสถ์ในอินเดีย
การทำให้ท้องกลวงในท่านี้ทำให้เรานึกถึงสระน้ำเหล่านี้ ท่าง่าย ๆ
อีกท่าหนึ่งในการฝึกพันธะคือ ท่าอโธมุขะศวานาสนะ หรือท่าสุนัขคว่ำหน้า (2)
คนที่สามารถฝึกพันธะได้อย่างสบายในท่าเหล่านี้ แล้วจึงพร้อมที่จะลงฝึกในท่านั่ง
เช่น ท่ามหามุทรา (3) ได้มหามุทราหรือมุทราที่ยิ่งใหญ่
ที่มีชื่อเรียกเช่นนี้เพราะท่านี้เป็นท่าที่ใช้พันธะทั้งสามแบบ
ตำแหน่งของส้นเท้าที่ก้นกบจะช่วยเริมมูลพันธะได้
นอกจากนี้เรายังสามารถฝึกพันธะในท่ากลับหัวได้
เช่น ท่ายืนด้วยศรีษะ ยกเว้นชาลันธรพันธะ เราสามารถฝึกพันธะในท่านี้ได้ง่าย
เนื่องจากการดันของเสียขึ้นมาพบกับเปลวไฟ (ในอุททียาพันธะ) และถูกกักไว้ที่นั่น
(ด้วยมูลพันธะ) จะได้รับการเกื้อหนุนจากกลไกในร่างกายในท่วงท่านี้
ในท่ากลับหัวทั้งหมด
ของเสียจะถูกยกให้มาตั้งอยู่เหนือเปลวไฟไฟจะลุกขึ้นไปเผาไหม้ของเสียที่อยู่ข้างบน
ในขณะที่ของเสียจะเคลื่อนลงมาหาเปลวไฟ
ถ้าเราสามารถหายใจได้อย่างคล่องแคล่วในท่ายืนด้วยไหล่
ท่านี้ก็จะดีมากในการฝึกพันธะ เพราะฉะนั้น อาสนะที่ดีที่สุดสำหรับฝึกพันธะ ได้แก่
ท่ากลับหัวบางท่า และท่านอนหงายหรือท่านั่งหลังตรงทั้งหมด
การฝึกพันธะจะยากมากหรือเป็นไปไม่ได้ในท่าอย่างเช่นท่าแอ่นหลังและท่าบิดตัว
ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการฝึกพันธะในท่าเหล่านี้
คำเตือน : ไม่ควรฝึกพันธะตลอดช่วงที่ฝึกอาสนะ
เช่นเดียวกับเทคนิโยคะอื่น ๆ
การฝึกพันธะควรจะฝึกฝนอย่างมีศิลปะและไม่ควรฝึกอย่างหักโหม
การช่วยเหลือจากครูเป็นสิ่งจำเป็น
พันธะและปราณยาม
เราควรจะฝึกพันธะทั้งสามแบบได้ย่างสบาย
ๆ ในท่าอาสนะที่กล่าวมาแล้วข้างต้นก่อน
จึงจะถือว่าเราก้าวหน้าพอที่จะเริ่มฝึกพันธะในการฝึกปราณยาม
เรามาลองพิจารณาว่าพันธะจะช่วยให้ทำปราณยามมีผลในชำระล้างได้มากขึ้นได้อย่างไร
ชาลันธรพันธะทำให้ลำตัวของเราอยู่ในตำแหน่งที่กระดูกสันหลังตั้งตรง
การอยู่ในลักษณะนี้ทำให้ปราณนำพาเปรวไฟไปยังของเสียซึ่งควรจะถูกเผาไหม้ได้ง่ายขึ้น
จากนั้นอุททียานพันธะจะดันของเสียขึ้นไปยังเปลวไฟ
ส่วนมูลพันธะช่วยให้ของเสียค้างอยู่ที่นั่นนานพอที่มันจะถูกเผาไหม้ได้
พันธะทั้งสามแบบสามารถฝึกได้ทั้งในระหว่างที่ฝึกอาสนะและปราณยาม
ในขั้นสุดท้ายเราสามารถฝึกชาลันธรพันธะตลอดตั้งแต่การหายใจเข้า
หายใจออกและกลั้นหายใจ
อุททียานพันธะจะฝึกได้เฉพาะระหว่างที่กลั้นหายใจหลังจากหายใจออกเท่านั้น
ส่วนมูลพันธะสามารถฝึกได้ตลอดช่วงของการฝึกปราณยามเช่นเดียวกับชาลันธรพันธะ
เนื่องจากอุททียานพันธะจะฝึกเฉพาะในช่วงที่กลั้นหายใจหลังจากหายใจออกเท่านั้น
เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งสำคัญคนที่ต้องฝึกพันธะนี้คือ
คุณจะต้องสามารถกลั้นหายใจหลังจากหายใจออกได้
เป็นเวลานานโดยไม่ลดทอนคุณภาพของการหายใจเข้าหรือหายใจออกถ้าคุณไม่สามารถทำเช่นนี้ได้คุณก็ไม่ควรคิดถึงการฝึกพันธะนี้
ถ้าคุณต้องการฝึกชาลันธรพันธะ
คุณต้องแน่ใจว่าไม่มีอาการตึงที่คอหรือหลังเพื่อที่คุณจะสามารถทำให้กระดูกสันหลังตรงได้โดยไม่มีปัญหาใด
ๆ ในขณะที่ก้มคางลงมา ถ้าคุณพยายามดึงคางลงโดยที่คอของคุณตึง จะทำให้อาการตึงมากขึ้นและจะทำให้เกิดอาการปวด
การฝึกพันธะร่วมกับกบาลภาตีและภัสตริกะปราณยามจะทำได้เฉพาะกับชาลันธรพันธะเท่านั้น
คุณไม่ควรฝึกพันธะในศีตลีปราณยาม เพราะการฝึกศีตลีปราณยามศรีษะจะเคลื่อนไหวขึ้นลง
ถ้าต้องการจะฝึกพันธะในระหว่างการฝึกปราณยาม
ก่อนอื่นเราจะต้องฝึกการใช้สัดส่วนลมหายใจให้ได้ก่อน คือหายใจเข้า
หายใจออกและกลั้นหายใจได้อย่างสบาย ๆ เป็นจำนวน 12
รอบของการหายใจโดยยังไม่ฝึกพันธะ จากนั้นจึงค่อยเริ่มฝึกพันธะได้
เช่นเดียวกับการฝึกอาสนะประจำวัน เราใช้หลักการวิญญาสะกรมะค่อย ๆ
ไปสู่การฝึกพันธะซึ่งเป็นการฝึกที่ค่อนข้างยากทีละขั้นจากนั้นค่อย ๆ ลดลงอย่างช้า
ๆ และจบการฝึกปราณยามด้วยการหายใจแบบง่าย ๆ
เราเน้นการฝึกของเราจนกระทั้งก้าวหน้าไปทีละขั้น
ฝึกฝนด้วยความอดทนโดยไม่มีการบังคับร่างกายและลมหายใจ
ข้อมูลจากหนังสือ "หัวใจแห่งโยคะ ท่วงท่าและมรรคาแห่งโยคะ" หนังสือแปลของ อาจารย์ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์
ขอพลังแห่งโยคะ ความรักและศรัทธาจงอยู่กับทุกๆคนตลอดไป บุญรักษา พระคุ้มครอง
นมัสเต,
จิมมี่โยคะ
ข้อมูลจากหนังสือ "หัวใจแห่งโยคะ ท่วงท่าและมรรคาแห่งโยคะ" หนังสือแปลของ อาจารย์ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์
ขอพลังแห่งโยคะ ความรักและศรัทธาจงอยู่กับทุกๆคนตลอดไป บุญรักษา พระคุ้มครอง
นมัสเต,
จิมมี่โยคะ