เรื่องเล่า...จากครูโยคะ

เรื่องเล่า...จากครูโยคะ เป็นการรวบรวมเรื่องราวต่างๆจากประสบการณ์การสอนโยคะของครูจิมมี่ ถ่ายทอดออกมาเป็นบทความ สอดแทรกอารมย์ขัน เหมาะกับผู้ที่สนใจในการฝึกโยคะ, ครูฝึกโยคะและทุกๆคน ทุกเพศทุกวัย



สำหรับทุกๆท่านที่เพิ่งจะเข้ามาใช้บริการ อ่านบล็อก เรื่องเล่า...จากครูโยคะ โดยครูจิมมี่ สามารถเลือกคลิ๊กเข้าไปอ่าน บทความอื่นๆได้ ที่เดือนต่างๆ ซึ่งเรียงอยู่ทางด้านขวามือของบทความ ขอบพระคุณมากครับ



ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับคุณตลอดไป...นมัสเต...





วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

ศูนย์ฝึกโยคะ ในบ้านเรา มีแบบไหนบ้างหนอ?


ศูนย์ฝึกโยคะ ในบ้านเรา มีแบบไหนบ้างหนอ?

มีคำถามต่างๆมากมายที่นักเรียนในหลักสูตรครูฝึกโยคะ มักเกิดความสงสัยและสอบถามผม เกี่ยวกับโยคะในบ้านเรา ณ ปัจจุบันนี้ ทั้งเรื่องที่โยคะมีมากมายหลายสไตล์ จนเรางงไปหมดว่าสไตล์ไหน?เป็นแบบไหน? ซึ่งอันนี้ผมก็พอจะทราบบ้างประมาณหนึ่ง  นักเรียนในหลักสูตรบางคนจะมีประสบการณ์ในการเรียนโยคะมากมาย หลากหลายแบบหลายสไตล์ และเรียนกับศูนย์ฝึกหลายๆแห่ง แต่นักเรียนของผมบางคนก็ปักใจเรียนแบบไม่เปลี่ยนที่เรียน(รักแล้ว...รักเลย) พอมาคุยกันก็จะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ว่าที่ไหนเป็นแบบไหน ต่างจากที่นี่, ที่นั่นอย่างไร... และเป็นเรื่องปกติมากๆ ที่จะต้องพบเรื่องแบบนี้กับนักเรียนที่มาเรียนหลักสูตรครูสอนโยคะกับผมทุกๆรุ่น

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผมจึงต้องอธิบายและแยกประเภทของศูนย์ฝึกโยคะให้นักเรียนของผมทุกคนฟัง ซึ่งจากประสบการณ์ของผมแล้ว ผมคิดว่าศูนย์ฝึกโยคะในบ้านเราน่าจะจำแนกได้ดังต่อไปนี้

1. สตูดิโอโยคะ พูดง่ายๆคือ มีแต่โยคะอย่างเดียวล้วนๆไม่มีอะไรมาเจือปรน ผู้ที่มาที่นี่มีเป้าหมายชัดเจนคือการฝึกโยคะ ซึ่งบางสตูดิโอก็อาจจะเน้นไปในการฝึกโยคะแบบสไตล์เดียว แต่สอนโดยครูหลายคน, บางสตูดิโอ ก็มีโยคะหลากหายสไตล์ มีครูหลายคนสอน ก็ขึ้นอยู่กับ นโยบายและจุดขายของแต่ละสตูดิโอ เรื่องราคาเฉลี่ยแล้ว ก็มีตั้งแต่เดือนละ 1,000บาทไปจนถึง 2,000กว่าบาท ซึ่งราคาก็ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งของสตูดิโอ และชื่อเสียงของครูผู้สอนด้วย

2. สปา ที่มีโยคะ  คือนำโยคะมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ที่ชอบเข้าสปาเพื่อการผ่อนคลาย เพราะถือว่าวิถีของโยคะก็คือการผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจเช่นกัน เรื่องของราคาน่าจะขายแบบเป็นแพ็คเกจ ซึ่งแต่ละที่มีแพ็คเกจที่แตกต่างกัน มากมาย

3. สปอร์ตคลับ, ฟิตเนสและศูนย์สุขภาพที่มีโยคะ คือการนำโยคะมาเป็นองค์ประกอบเสริม ให้กับสมาชิกได้มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น บางครั้ง บางคนอาจต้องการเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการฝึกโยคะบ้าง แต่ก็มีบางคนไม่เล่นฟิตเนส ฝึกโยคะอย่างเดียวก็มี  ข้อ3. นี้เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบความหลากหลาย ซึ่งอาจจะออกกำลังกาย, เต้นแอโรบิคหลากหลายสไตล์, คลาสปั่นจักรยานร่วมกัน, การฝึกแบบที่มีเทรนเนอร์คอยดูแลแบบส่วนตัว และโยคะ เรื่องราคาก็จ่ายค่าสมาชิกแบบรายปีหรือรายเดือนเล่นได้หมดทุกอย่าง(ยกเว้นครูฝึกส่วนตัวต้องจ่ายเพิ่ม) คุ้มมากๆสำหรับบางคน เฉลี่ยแล้วก็น่าจะตกประมาณเดือนละ2,000กว่าบาท สำหรับสมาชิกรายเดือน

4. เปิดบ้าน เป็นศูนย์ฝึกโยคะ  ครูโยคะบางท่านผูกพันธ์กับบ้าน(ไม่อยากเดินทางไปไหน เป็นห่วงบ้าน ไม่อยากเจอรถติด) และเนื่องด้วยบ้านตนเองก็มีพื้นที่เหลือใช้จึงพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นศูนย์ฝึกโยคะ ซึ่งแน่นอนครับส่วนใหญ่ก็จะดำเนินการสอนโดยครูผู้เป็นเจ้าของบ้านเพียงคนเดียว เรื่องของราคา ก็หลากหลายแล้วแต่ นโยบายของครูแต่ละท่านที่เปิดบ้านสอนว่าจะจัดแพ็คเกจเช่นไร

5. โยคะ ในสวนสาธารณะต่างๆ การสอนโยคะในสวนสาธารณะมีมาเนิ่นนาน น่าจะนานกว่า20ปีแล้วในบ้านเรา(แบบนี้ อาจไม่ได้เรียกว่าศูนย์ฝึก แต่เป็นการนัดหมายกันมาฝึกแบบมีผลประโยชน์เล็กน้อย) ต้องบอกเลยว่าการฝึกโยคะในสวนสาธารณะเป็นจุดกำเนิดแรกๆของหลายๆคนที่เริ่มฝึกโยคะ เพราะมีความสะดวก แต่จะมีแค่ช่วงเช้าตรู่และตอนเย็นก่อนค่ำเท่านั้น และผู้ฝึกจะต้องเตรียมอุปกรณ์ในการฝึกทุกอย่างไปเอง ในสวนสาธารณะแห่งเดียวกันอาจมีให้เลือกเรียนได้หลายกลุ่มเลย ราคาไม่แพงหากข้อมูลที่ผมได้รับมาไม่ผิดพลาดก็น่าจะประมาณครั้งละ 50บาท หรือถ้าจะจ่ายเหมาเป็นรายเดือนก็น่าจะประมาณ 600บาท/เดือน ซึ่งไม่แพงเลยครับ ถือว่าย่อมเยาว์มากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกๆประเภทที่กล่าวมา

6. และยังมีโยคะแบบอื่นๆอีกซึ่งก็ไม่ได้จัดเป็นศูนย์ฝึก เป็นการรวมกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ (ฝ่ายหนึ่งได้รับสุขภาพที่ดี อีกฝ่ายหนึ่งมาสอน, มาแนะนำให้แบบมีค่าตอบแทนตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย) เช่น บริษัทจ้างครูมาสอนหลังเลิกงาน, รวมตัวกันจ้างครูมาสอนที่บ้าน, จ้างครูมาสอนเป็นส่วนตัว(ไฮโซ ฐานะดี), รวมจนถึงทัวร์สุขภาพ ราคาก็ขึ้นอยู่กับการตกลงของทั้งสองฝ่าย

จากทั้ง 6ข้อ ที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ ผมคิดว่า กลุ่มที่มีความตั้งใจสูงในการฝึกโยคะ ควรจะอยู่ในข้อที่ 1, 4, 5 และ 6 เพราะผู้ฝึกกลุ่มนี้มีเป้าหมายหลักคือ ฝึกโยคะแทบจะไม่มีอะไรมาปรนเปื้อนเลย ส่วนอีกกลุ่มก็คือ ข้อที่ 2 และ 3 ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มหลังนี้ไม่ได้ตั้งใจฝึกโยคะนะครับ แต่อาจจะมีเหตุผลอื่นที่ทำให้ต้องตัดสินใจสมัครเรียนที่นี่ เช่นความคุ้มค่า, ความหลากหลาย, ความสะดวก, สังคมเพื่อนฝูง ฯลฯ  หากจะมาเปรียบเทียบว่าที่ไหน? ดีกว่าที่ไหน? มาตรฐานที่ไหนดีกว่า? ครูคนไหนสอนดีที่สุด? ก็คงต้องพูดกันยาวเลยล่ะครับ และด้วยจรรยาบรรณของครูสอนโยคะอย่างผม คงไม่ขอออกความคิดเห็นตรงจุดนี้ 

ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเราสามารถฝึกโยคะที่ไหนก็ได้ที่เรารู้สึกว่า ฝึกแล้วสบายใจ ไปฝึกที่นั่นแล้วตัวเราเองได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด เพราะมาตรฐานของแต่ละคนย่อมต้องแตกต่างกันอย่างแน่นอน(ซึ่งในบางครั้ง ก็อาจจะเป็นแค่เพียงการฝึกโยคะตามลำพังด้วยตัวของคุณเอง ณ.มุมสงบที่ไหนสักแห่ง?...ในบ้านของคุณเอง)

นมัสเต,

จิมมี่โยคะ

3 ความคิดเห็น:

  1. สวัสดีค่ะ ครู


    เคยเรียนแต่แบบที่ 1 กับ 3

    ช่วงแรก ก็ ตั้งใจสูงปานกลาง ถึงมาก

    ช่วงกลาง พอเริ่มเห็นผล โอ้โหเหะ ความตั้งใจพุ่งไปสูงสุด

    ช่วงปัจจุบัน สถานะการงาน เริ่มไม่เอื้ออำนวย ให้ตั้งใจสูงได้อีก

    รู้สึกว่า ตัวเอง เอื่อยๆ

    สงสัยต้องหาเวลามาทำให้ความตั้งใจสูงอีกรอบแล้วล่ะ 555


    ส่วนเรื่องเรียนที่ไหนดี

    เห็นด้วยว่า เอาที่เราสะดวก และพอใจ เป็นดีที่สุดน่ะค่ะ


    บุญรักษาค่ะครู

    ตอบลบ
  2. สวัสดีค่ะครู


    วันนี้ เปิด YJ Thailand

    หุหุ มีเรื่องของครูลงหนังสือด้วยล่ะ

    แต่ ช้า แต่

    ทำมาย เค้าลงแต่หน้า คุณ โอลิเวอร์ล่ะค่ะ

    ไม่ยักกะลงหน้า คุณผลเจริญด้วย 555

    แต่ก็ยินดีด้วยน่ะค่ะ


    บุญรักษาค่ะครู

    ตอบลบ
  3. ชอบเล่นกับครูจิมมี่ค่ะ เป็นครูที่เรียนด้วยแล้วสบายใจที่สุดตั้งแต่เล่นมา 4 ปี

    ตอบลบ

ความคิดเห็น ของคนในวงการโยคะ

ป้ายกำกับ

Powered By Blogger