ในคลาสครูฝึกโยคะที่ผมรับผิดชอบสอนที่สถาบันฟิต ในเวลาที่ผมต้องบรรยายเรื่องหัวใจแห่งโยคะ/มรรค8แห่งโยคะ(8 limbs of yoga) หากหลายๆท่านที่ติดตามบล็อกของผม คงจะเคยได้อ่านผ่านตามาบ้างแล้วในเรื่องหัวใจแห่งโยคะ ที่ผมได้นำเนื้อหาที่ได้จัดทำขึ้นโดยสถาบันโยคะวิชาการมาเผยแพร่ คงจะทราบองค์ประกอบทั้ง8ก็คือ 1.ยมะ, 2.นิยมะ, 3.อาสนะ, 4.ปราณยามะ, 5.ปรัทยาหาระ, 6.ธารณา, 7.ธิยานะ, 8.สมาธิ
ยมะ จะมีองค์ประกอบย่อยอีก5ข้อ เช่นเดียวกับ นิยมะ หนึ่งใน5ข้อย่อยของนิยมะ คือ ตบะ(Tapas) พอต้องสอนและขยายความหัวข้อนี้ ผมก็ต้องแปลความหมายของคำนี้ให้ทุกๆคนทราบ และก็ขยายความเล็กน้อยถึงปานกลางเพื่อให้ผู้เรียนได้รับความเข้าใจที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ตบะ (Tapas)แปลว่า ทำให้ร้อน หมายความรวมตั้งแต่ การเผา ลน ย่าง ต้ม ปิ้ง อบ ฯลฯ
บำเพ็ญตบะ จึงหมายถึง การทำความเพียรเผาผลาญกิเลสทุกชนิดให้ร้อน ทนเกาะอยู่ไม่ได้
พอขยายความมาถึงตรงนี้...เรื่องที่มักจะแวบเข้ามาในหัวของผมเสมอๆ ก็คือเรื่องราวของเพื่อนผมคนหนึ่ง ที่น่าจะพอนำมาเชื่อมโยงกับเรื่องของตบะ รวมจนถึงเรื่องของความอดทน ความเพียรพยายามและความมุ่งมั่นตั้งใจ ได้อย่างลงตัวมากๆ
เรื่องนี้ต้องย้อนไปถึงสมัยที่ผมเรียนอยู่ชั้น ม.ปลาย ณ โรงเรียนประจำจังหวัดสุพรรณบุรี(ก็เพิ่งจะผ่านมาเมื่อไม่กี่ปีนี้เองครับ.555.) ตอนนั้นความใฝ่ฝัน ของนักเรียน ม.ปลาย สายวิทย์ ต่างจังหวัดบางส่วน รวมจนถึงผมด้วยก็คือการสอบคัดเลือกเข้าไปเป็นนักเรียนเตรียมทหาร(นักเรียนนายร้อย) ซึ่ง ณ ช่วงเวลานั้นพวกเราจะมีโอกาสได้สอบ 2ปี(ปีละครั้ง) คือเวลาที่เราอยู่ชั้นม.4 และม.5 หากพลาดจากนั้นก็คือหมดสิทธิ์ล่ะครับ ซึ่งในแต่ละปีก็จะต้องมีนักเรียนจากโรงเรียนของเราสอบคัดเลือกผ่านเข้าไป จนได้ไปเป็นนักเรียนเตรียมทหารปีละ1-3คน
ผมและเพื่อนๆก็มีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมเช่นกัน(ถึงแม้นว่าการเรียนจะไม่ค่อยได้เรื่องก็ตาม) โดยเฉพาะเพื่อนของผมที่ชื่อ คเชน (คเชน เป็นเพื่อนที่ค่อนข้างจะสนิทกับผมคนหนึ่ง)เขาค่อนข้างจะมุ่งมั่นตั้งใจเป็นอย่างมากกับการสอบเตรียมทหาร ว่าแล้วก็คงต้องขอกล่าวถึงเพื่อนสนิทของผมคนนี้สักนิดหนึ่ง คเชน เป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตา บุคลิกดี(หน้าตา เขาหล่อแบบไทยๆ สไตล์ สรพงษ์ ชาตรี ประมาณนั้น)สูงประมาณ173ซ.ม. ร่างกายแข็งแรงแบบนักกีฬา ชอบเดินตัวแข็งๆ อย่างที่ทหารเขาเดินกัน, คเชน มีน้ำเสียงไพเราะ จนทำให้ได้รับคัดเลือกไปนำสวดมนต์หน้าเสาธงตอนเช้าก่อนเข้าเรียน ต่อหน้านักเรียนโรงเรียนประจำจังหวัดเป็นพันๆคน และได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของโรงเรียนเพื่อเข้าประกวดการกล่าวสุนทรพจน์ จนเขาได้รับรางวัลระดับประเทศ ผมกับคเชนเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียนในตำแหน่งมิดฟิลด์แดนกลาง เช่นเดียวกัน จึงทำให้เราค่อนข้างสนิทกันพอสมควร
และแล้ว เมื่อเวลา2ปีผ่านไป ผมและเพื่อนๆห้องเดียวกันก็ไม่มีใครที่สอบติดเลย มีแต่เพื่อนห้องอื่นที่สอบผ่านจนได้เป็นนักเรียนเตรียมทหาร และเมื่อเวลาผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าความใฝ่ฝันนี้สำหรับผมและเพื่อนหลายๆคนก็ค่อยๆจืดจางหายไป จนพวกเราลืมคิดถึงมันไปแล้ว แต่สำหรับเพื่อนที่ชื่อคเชนเขายังคงมุ่งมั่นและหาหนทางที่จะเข้าไปเป็นนักเรียนเตรียมทหารให้ได้(เขาอยากเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจมากๆ) ผมและเพื่อนๆหลายคนหันไปมุ่งมั่นที่จะสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่ใฝ่ฝัน ส่วนเพื่อนที่ชื่อคเชน เขาคิดว่าจะไปเรียนม.รามฯและสมัครสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนพลตำรวจ
เพื่อนๆหลายคนจึงแอบคิดขำๆว่า...อ้อใช่สิ..มันไม่ได้เป็นนายร้อย ขอเป็นพลตำรวจก็ยังดีใช่ไหม? คเชน จึงบอกกับเพื่อนๆทุกคนว่า ได้ข้อมูลเชิงลึกที่มีความเชื่อถือได้ บอกมาว่าผู้ที่มีคะแนนการเรียนดีที่สุดของนักเรียนพลตำรวจจะได้รับพิจารณาให้เข้าไปสอบคัดเลือกเป็นนักเรียนเตรียมทหาร..เพื่อไปสู่การเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ คเชนจึงจะเข้าไปเป็นนักเรียนพลตำรวจและทำคะแนนให้ดีที่สุด เพื่อที่จะได้รับโอกาสในการเข้าสอบเตรียมทหารอีกครั้ง ทุกคนจึงลงความเห็นตรงกันว่าไอ้นี่มันบ้ายศ บ้าเครื่องแบบ เข้าขั้นเลยล่ะ แต่ในใจลึกๆของเพื่อนๆทุกคน ก็อยากให้คเชนสมหวังเพราะเขาหวังและตั้งใจเอาไว้อย่างมากมาย แน่นอนครับ การที่เราหวังอะไรไว้อย่างมากมาย ในยามที่มันไม่สมหวัง ผิดหวัง มันก็จะต้องเจ็บปวดอย่างมากมายเช่นกัน
พอพวกเราจบม.6 เพื่อนหลายๆคนก็สอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยได้(รวมถึงผมด้วย) บางคนที่สอบเอ็นทรานซ์ไม่ติดก็ไปเรียนม.รามฯกับคเชน ส่วนเพื่อนที่ทางบ้านมีฐานะดีก็ไปเรียนม.เอกชน บางคนก็ไปช่วยทางบ้านทำธุรกิจ ในขณะที่ผมกำลังจะขึ้นปี2ในการเรียนมหาวิทยาลัย คเชนก็มาหาผม แล้วก็บอกผมว่าเขาสอบผ่านข้อเขียนนักเรียนเตรียมทหารแล้ว ก็เป็นข่าวดีมากๆ เขาต้องเตรียมตัวซ้อมสมรรถภาพร่างกายเพื่อการทดสอบทางด้านพลศึกษา ซึ่งจะเป็นด่านที่สองของการสอบ(ณ ตอนนั้นผมเรียนคณะศึกษาศาสตร์ ภาควิชาพลศึกษา) สิ่งที่คเชน ต้องการให้ผมช่วย ณ ตอนนั้นก็คือ กางเกงว่ายน้ำ แว่นตาว่ายน้ำ(ผมมีเพราะผมเรียนว่ายน้ำ และกีฬาทางน้ำหลายวิชา)ผมจึงให้เขายืมไม่มีปัญหา รวมจนถึงฝึกซ้อมวิ่ง(ตอนนั้นผมเป็นนักวิ่งของมหาวิทยาลัย และนักวิ่งเยาวชนสโมสรทหารอากาศ)ให้ได้ตามเวลาที่ได้ถูกกำหนดไว้ จากนั้นคเชนก็หายเงียบไป ซึ่งผมมาทราบข่าวอีกครั้งจากเพื่อนๆที่เรียนม.รามฯ ว่าเขาไม่ผ่านสัมภาษณ์ ผมก็รู้สึกไม่ค่อยดีนักกับความผิดหวังของเพื่อนในการสอบครั้งที่3 ที่เขามาได้ไกลมากๆ จนเกือบจะไปถึงฝันนั้นอยู่แล้วเชียว อดทำให้ผมคิดถึงเรื่องของความเจ็บปวดใจที่จะเกิดขึ้นกับการพลาดหวังครั้งนี้ของเขาไม่ได้
จากนั้นปีต่อมาผมก็ได้ข่าวอีกว่า คเชนยังไม่ย่อท้อ เขาได้มีโอกาสผ่านเข้าไปสอบอีกเป็นครั้งที่4 แต่ครั้งนี้ไม่ผ่านตั้งแต่ข้อเขียน ผมจึงคิดว่าสงสัยเพื่อนที่ชื่อคเชนคนนี้ คงจะเริ่มถอดใจแล้วล่ะ และเขาก็คงไม่อยากจะต้องมาผิดหวังซ้ำซากกับสิ่งที่พยายามทำมาอย่างต่อเนื่องถึง4ครั้งแล้ว...แต่แล้ววันหนึ่ง คเชน ก็โทรมาหาผม แล้วบอกว่า "ไอ้ยุทธ! กูได้เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจแล้วนะเว่ยเพื่อน! ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น กูทำได้แล้ว" (ผมชื่อจริงว่ายุทธนา, ดังนั้นบางคนก็จะเรียกผมว่าไอ้ยุทธ, บางคนก็เรียกว่าไอ้มี่) จากการพยายามในครั้งที่5 ของเขา ณ ตอนนั้นก็ค่อนข้างดีใจและภูมิใจในความพากเพียรพยายามของเพื่อนคนนี้เป็นอย่างมาก
คเชนเล่าให้ผมฟังว่า เมื่อได้เข้าไปเรียนเตรียมทหารแล้ว เขาต้องเรียนร่วมรุ่นกับรุ่นน้องสมัยเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนประจำจังหวัดหลายคน...ผมจึงถามคเชนว่า "แล้วมึงจำมันได้ยังไงวะรุ่นน้องน่ะ? มีนักเรียนตั้งหลายพันในสมัยมัธยมและเราก็มักจะรู้จักแค่นักเรียนรุ่นเดียวกันเสียเป็นส่วนใหญ่" คเชนบอกว่า "กูจำมันไม่ได้ แต่มันจำกูได้ มันบอกว่าตอนนั้นกูอยู่ ม.5 มันอยู่ม.1 กูขึ้นไปนำสวดมนต์ตอนเช้าก่อนเข้าเรียนมันเลยจำกูได้" (อ้อ..เข้าใจล่ะ ดีใจด้วยเพื่อน)และที่ฮากว่านั้นก็คือ ที่โรงเรียนของเราก็จะมีนักเรียนสอบติดเป็นนักเรียนเตรียมทหารทุกๆปีอยู่แล้ว และที่โรงเรียนเตรียมทหารนี้เขาไม่ได้สนใจเรื่องอายุ เขาสนใจเรื่องการนับรุ่นครับ เข้ามาทีหลังถือว่าเป็นรุ่นใหม่เป็นรุ่นน้องต้องนอบน้อมรุ่นพี่ ดังนั้น คเชน จึงต้องเรียกนักเรียนรุ่นน้องสมัยมัธยมหลายๆคนว่าพี่
และนี่ก็คือเรื่องของความ อดทน มุ่งมั่น พากเพียร พยายาม อย่างยิ่งยวด จนนำ คเชนไปสู่ความสำเร็จดั่งที่เขาปรารถนา ซึ่งสอดคล้องกับพุทธสุภาษิตที่ว่า
"ขันตี ปรมัง ตโป ตีติกขา"
ความอดทนคือความทนทาน เป็นตบะอย่างยิ่ง
ในการฝึกโยคะ การบำเพ็ญตบะ เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่มีความสำคัญ ซึ่งจะทำให้โยคีที่ฝึกโยคะอย่างจริงจัง ได้ไปถึงฌาณ สมาธิ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของการฝึกโยคะ ตามแนวทางของมรรค8แห่งโยคะ
หากทุกคนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะทำอะไรสักอย่างให้ประสบความสำเร็จ แต่ยังไม่พบกับความสำเร็จสักที ก็อย่าได้ท้อแท้ ขอจงพยายามต่อไป สักวันหนึ่งความพยายามนั้นคงจะนำมาซึ่งความสุข สดชื่น สมหวัง ดังเช่น เพื่อนของผมที่ชื่อคเชน คนนี้
ปัจจุบัน คเชน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่อำเภอใด อำเภอหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี (น่าจะเป็นผู้กอง) ซึ่งล่าสุดที่ผมได้โทร.หาคเชน ก็ได้คุยกันเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเขาคงมีภาระกิจการงานที่ค่อนข้างเย๊อะ เขาบอกผมว่ากำลังยุ่ง...แล้วจะโทรกลับ. และถ้าเพื่อนๆคนไหนของผมที่ได้พบเจอหรือสามารถติดต่อกับคเชนได้ รบกวนช่วยฝากบอกคเชนด้วยว่า เพื่อนที่ชื่อไอ้ยุทธคนนี้รอให้มันโทรกลับมา 3ปีแล้ว...
ขอพลังแห่งโยคะ และตบะ จงอยู่กับผู้ฝึกโยคะทุกๆคนและผมตลอดไปเทอญ
แด่ เพื่อนๆ ม.6/3, ปีการศึกษา2538 โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย จังหวัดสุพรรณบุรี
รบกวนทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านบล็อก ทั้งตั้งใจและบังเอิญเข้ามาอ่านก็ดี ทุกความคิดเห็นของท่านมีความสำคัญมากๆสำหรับผม โปรดช่วยแสดงความคิดเห็น ด้านล่างของบทความทุกบทความที่ท่านให้เกียรติเข้ามาอ่าน เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข ให้กับผู้เขียนในโอกาสต่อไป หรือหากท่านต้องการส่งข้อความแสดงความคิดเห็นแบบส่วนตัวหรือเข้าไปเยี่ยมชมรูปภาพของครูจิมมี่ ก็สามารถติดต่อได้ที่ e-mail: jimmythaiyoga@yahoo.com www.facebook.com. โดยค้นหาจาก คำว่า Jimmy Yoga หรือ e-mail ขอบพระคุณมากๆครับ
นมัสเต,
จิมมี่โยคะ
ทั้งโยคะและทุกๆอย่าง เราสามารถใช้หลักของความเพียร พยายามได้เช่นกัน ความพยายามทำให้เราได้เห็นคุณค่าในตัวเองเสมอค่ะ
ตอบลบซึ้งกินใจแถมได้ความรู้มากเลยค่ะครูจิมมี่ มีแอบดราม่าตอนท้ายว่าฝากบอกคเชนด้วยว่ามีเพื่อนคนนึงรอโทสับ.. อยู่เฟ้ย ฮ่าๆๆ
ตอบลบเขียนอีกนะคะ จอรออ่านและติชมค่ะ
และแล้ววันนี้(29พ.ค.2554)เวลาประมาณ21.15น. เพื่อนคเชนก็โทร.มาหาผมในที่สุด หลังจากที่ได้รอการติดต่อจากเพื่อนคนนี้มานานหลายปี
ตอบลบ555...