เรื่องเล่า...จากครูโยคะ

เรื่องเล่า...จากครูโยคะ เป็นการรวบรวมเรื่องราวต่างๆจากประสบการณ์การสอนโยคะของครูจิมมี่ ถ่ายทอดออกมาเป็นบทความ สอดแทรกอารมย์ขัน เหมาะกับผู้ที่สนใจในการฝึกโยคะ, ครูฝึกโยคะและทุกๆคน ทุกเพศทุกวัย



สำหรับทุกๆท่านที่เพิ่งจะเข้ามาใช้บริการ อ่านบล็อก เรื่องเล่า...จากครูโยคะ โดยครูจิมมี่ สามารถเลือกคลิ๊กเข้าไปอ่าน บทความอื่นๆได้ ที่เดือนต่างๆ ซึ่งเรียงอยู่ทางด้านขวามือของบทความ ขอบพระคุณมากครับ



ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับคุณตลอดไป...นมัสเต...





วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อาหารกับการฝึกโยคะ

อาหารกับการฝึกโยคะ

มีคำกล่าวกันไว้ว่า “เมื่ออาหารบริสุทธิ์ สภาพภายในของบุคคลก็ย่อมจะมีความบริสุทธิ์ด้วย” จึงเป็นหลักฐานที่เห็นได้ด้วยตนเองว่าถ้าคนเราเลี้ยงชีวิตด้วยอาหารหยาบ ร่างกายก็จะหยาบไปด้วย คือกินของที่ไม่สะอาด ร่างกายก็จะพลอยมีผิวพรรณไม่งดงาม โดยสลับกัน ถ้าคนเรามีงานทางใจที่จะต้องทำอยู่มาก ก็จะต้องสนองกินอาหารประเภทเบา ๆ และมีคุณค่าในการบำรุงรักษาร่างกาย


เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เจือปนนั้น ไม่เพียงแต่เผาไหม้ร่างกายเท่านั้น แต่ยังทำให้จิตใจที่ตื่นเต้นไม่สงบระงับอีกด้วย ถ้าในมื้อเย็นหรือในงานเลี้ยงเรากินอาหารขนาดหนักเราก็จะตกอยู่ในสภาพมึนซึมไปขณะหนึ่งหลังจากหยุดรับประทานแล้วจึงกล่าวได้ว่าอาหารมีผลกระทบกระเทือนทั้งจิตใจและร่างกาย ดังนั้น โยคะจึงได้แบ่งอาหารออกเป็นสามประเภทดังนี้ ( Guna 3 )

1. อาหารเบา (สัทวิก) เช่น ผลิตผลประจำวัน (นม เนย ไข่) ผักบางชนิด ผลไม้ และผลไม้เปลือกแข็งที่มีเนื้ออยู่ข้างใน เช่น ลูกเกาลัด จาวตาล

กล่าวกันว่าอาหารประเภทนี้ทำให้จิตใจสงบระงับและช่วยรักษาร่างกายให้บริสุทธิ์ในขณะเดียวกันก็ให้กำลังวังชาและพลานามัยได้เป็นอย่างดีด้วย

2. “ราชสิก” อาหารประเภทนี้ได้แก่ ปลา ไข่ เนื้อ เกลือ และเครื่องเทศ อาหารพวกนี้ปลุกอารมณ์ให้เร่าร้อน

3. “ทามะสิก” อาหารประเภทที่สามนี้ได้แก่ เนื้อสัตว์บางชนิด สุราต่าง ๆ กระเทียม หัวหอม และยาสูบ ทำให้เกิดความระคายเคืองและทำให้จิตใจเต็มไปด้วยความโกรธและความเฉื่อยชา

ภควคีตา กล่าวกันว่า “อาหารที่เพิ่มพลังวังชา สุขภาพ และความร่าเริง มักมีรสละมุนละม่อม คนที่มีอารมณ์เร่าร้อนชอบอาหารรสขม เปรี้ยว เค็ม ร้อน และรสแหลม ซึ่งมีแต่จะทำให้เกิดการเจ็บปวด ความเศร้าโศก และโรคภัยไข้เจ็บอาหารรสชืด ๆ และเศษอาหารที่เหลือ ๆ ก็จัดอยู่ในอาหารประเภทที่สามดังกล่าวข้างต้นนี้”

เพื่อเป็นการสนับสนุนคำสอนของโยคี อาชีพทางแพทย์ในปัจจุบันนี้ ได้ให้ความสำคัญอย่างมากในการบริโภคอาหารที่ถูกต้องอาหารพิเศษได้นำมาใช้เพื่อรักษาโรคเฉพาะอย่าง ในขณะเดียวกันประชาชนบางกลุ่ม เช่น พวกกินเจก็จะไม่ยอมกินอะไรนอกจากอาหารประเภทหนึ่งเท่านั้น (อาหารจำพวกพืชและผลไม้ต่าง ๆ)

อย่างไรก็ตาม ในทุกสิ่งทุกอย่างก็เช่นกัน ความพอดิบพอดีและสามัญสำนึกย่อมเป็นข้อเท็จจริงเบื้องต้นของการบริโภคอาหารที่มีคุณประโยชน์แก่ชีวิต เพราะมีพวกกินเจอยู่มากเหมือนกันที่ต้องได้รับความทุกข์ทรมานจากการได้โปรตีนน้อยเกินไป และพวกที่กินเนื้อก็มีอยู่มากที่ขาดแคลนในสิ่งอื่น ๆ เมื่อเช่นนี้จะต้องพยายามรักษาความสมดุลให้ได้ในระหว่างความสุดโต่งทั้งสองข้าง อาการที่ถูกต้องนั้นก็ควรจะมีทั้งโปรตีน วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ให้เหมาะควรกันอันเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในการรักษาสุขภาพให้ดี ในขณะเดียวกันการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก็เป็นสิ่งจำเป็นในการย่อยอาหาร เพื่อจะสกัดคุณค่าของอาหารให้ออกมาเป็นประโยชน์แก่ร่างกายให้มาก และเพื่อให้ระบบการทำงานดำเนินไปด้วยดี อนึ่งควรจะหลีกเลี่ยงจากการดื่มเครื่องดองของมึนเมาให้มากที่สุด เช่นเดียวกันการสูบบุหรี่ก็ควรจะหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดเพราะร่างกายไม่ต้องการมันเลย

อาหารต่าง ๆ ส่วนมากในเวลานี้ก็มักจะเป็นอาหารสำเร็จรูปและได้พยายามปรับปรุงให้ถูกปากและยั่วยุการหิวกระหายได้มาก เราจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการเลือกอาหาร เรามักจะกินอาหารเพื่อความสนุก และเพื่อความอร่อย มากกว่าเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายและตามความจำเป็นต้องการทำให้เราต้องสูญเสียรสอาหารตามธรรมชาติปีหนึ่ง ๆ เราบริโภคอาหารจำพวกขนมกันเป็นจนวนมหาศาล ช็อคโกแล็ต ท๊อฟฟี่ และขนมปังไส้ครีม ขนมเค็ก ไอศกรีม อาหารดังกล่าวทั้งหมดมีคุณค่าอย่างแท้จิรงแก่ร่างกายน้อยมาก แต่เป็นขนมที่ล่อใจเราได้มาก แถมยังสามารถทำให้น้ำหนักตัวมากขึ้นโดยอัตโนมัติอีกด้วย

โยคะเตือนเราว่า เราไม่อาจหวังว่าจะได้รับแสงสว่างแม้แต่น้อยเว้นไว้แต่ว่าเราจะได้รักษาร่างกายและจิตใจของเราให้สะอาดบริสุทธิ์และมีความเข้มแข็งสมบูรณ์ ท้องที่อิ่มเกินไป ระบบการไหลเวียนของโลหิตที่เต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ ปอดที่หายใจไม่ออกเพราะควันบุหรี่ ทุกอย่างนี้จะเป็นเครื่องกีดขวางอันเราจะต้องเอาชนะให้ได้ถ้าเราปรารถนาจะให้ชีวิตเต็มไปด้วยสุขภาพและความสุข

บางคราวการอดอาหารสัก 24 ชั่วโมงก็มีประโยชน์มากหรือนาน ๆ อดอาหารเช้าสักครั้งหนึ่ง ในกรณีหลังนี้การดื่มน้ำเปล่าแทนอาหารเช้าก็อาจช่วยได้มาก เพราะเป็นการช่วยล้างระบบขับถ่าย การไม่รับประทานอาหารเป็นการทำให้ระบบขับถ่ายมีโอกาสทำความสะอาดตัวเองและได้พักผ่อนด้วย การอดอาหารอย่างเข้มงวดหรือไม่หยุดนั้น ในโยคะได้ห้ามไว้ เพราะทำให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายเกิดความเครียดโดยไม่จำเป็น และไม่เป็นไปตามธรรมชาติ และยังเป็นผลทำให้จิตใจและร่างกายเสื่อมพลังวังชาไปด้วย

การงดยาเสพติดทุกชนิด ความจริงโยคะสอนไว้ว่าถ้าเรารู้จักวิธีใช้โภคทรัพย์ธรรมชาติของเรา ให้ได้ประโยชน์อย่างดีที่สุดแล้วนิสัยต่าง ๆ และเครื่องย้อมใจเหล่านี้ไม่ใช่สิงจำเป็น เพราะเราสามรถแสวงหาความสดชื่นร่าเริงได้อย่างมากจากการปฏิบัติโยคะอย่างธรรมดา ๆ แต่เป็นคุณประโยชน์แก่สุขภาพของเราอย่างวิเศษ แทนที่จะทำลายสุขภาพให้เสื่อมโทรมสงด้วยการเสพยาเสพติดชนิดต่าง ๆ

มีการเสนอรับรองกันอยู่เสมอว่าผลไม้บางชนิดคือ ผู้ให้กำเนิดพลังงาน และยังรักษาความสะอาดในระบบการเดินอาหาร และให้ความเย็นแก่ร่างกายอีกด้วยนอกจากนี้ยังช่วยในการเจริญสมาธิอีกด้วย

ในระหว่างนอนหลับเราใช้พลังงานน้อยมาก เพราะฉะนั้นจึงมีผู้แนะนำว่าอาหารเช้าควรจะเป็นอาหารเบาที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายมาก ๆ บางคนรับประทานรังนก น้ำเต้าหู้ น้ำข้าว ไข่ลวก นมสดที่เอาครีมออกแล้ว ลูกเดือย ฯลฯ อาหารเย็นก็ควรจะเป็นอาหารเบาเช่นกัน

การกินเป็นนิสัยอย่างหนึ่ง เราจึงต้องระวังสังเกตด้วยความเอาใจใส่ให้มากและคอยควบคุมให้เป็นไปตามความจำเป็น เมื่อเรายังเป็นเด็กหรือวัยรุ่น เราต้องการอาหารบำรุงเลี้ยงร่างกายมาก เพื่อช่วยเจริญเติบโต แต่เมื่อเรามีอายุล่วงเข้าวัยกลางคนแล้วร่างกายก็จะหยุดเจริญเติบโต นิสัยของเราจะชอบไปในทางนั่งเฉย ๆ และเราไม่ต้องการอาหารจำนวนเท่าเดิมแต่ถ้านิสัยการกินของเรายังไม่เปลี่ยนแปลงเราคงมีความหิวเพิ่มมากขึ้น เพื่อจะกินอาหารบางประเภท โดยไม่คำนึงถึงปริมาณของมันทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่ให้ประโยชน์อะไรแก่เราอีกเท่าใดนักตอนนี้แหละเราจะรู้ตัวว่าน้ำหนักเรายิ่งมากขึ้น ๆ

ในวัยกลางคนเราควรจะกินอาหารให้น้อยกว่าเมื่อเรายังอยู่ในวัยเด็ก ถ้าเราไม่ควบคุมนิสัยการกินของเราให้เหมาะแก่ความจำเป็นต้องการที่แท้จริงของร่างกายแล้ว เมื่อนั้นน้ำหนักตัวเราจะมากเกินไปเต็มไปด้วยไขมันและพิษภัยแล้ววัยชราก็เริ่มลงมือบีบรัดเราหนักขึ้นถ้าเรารู้จักกินแต่พอสมควรและริหารกายตามแบบโยคะ เราก็จะสามารถรักษาพลังความหนุ่มแน่นตลอดจนสุขภาพผิวและผิวพรรณของเราไว้ได้อีกหลายปี

นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดของการรับประทานอาหารให้เหมาะสมตามกรุ๊ปเลือดอีกด้วย

อาหารกับกรุ๊ปเลือด

เลือดกรุ๊ป A
อาหารสำหรับคนเลือดกรุ๊ป A คนที่มีเลือดกรุ๊ป A น้ำย่อยในกระเพาะอาหารจะมีความเป็นกรดต่ำ ทำให้ไม่เหมาะกับอาหารประเภทเนื้อ โดยเฉพาะเนื้อแดง อาหารประเภทพืชผักจะเหมาะกับคนกลุ่มนี้มากกว่า ดังจะเห็นได้ว่าชาวมังสวิรัติส่วนใหญ่ที่ปฏิบัติแล้วรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงสดชื่นขึ้น มักจะเป็นคนที่มีเลือดกรุ๊ป A แต่ก็มีผักบางอย่างที่อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น พริก มะกอกดอง มันฝรั่ง มันเทศ กะหล่ำปลี มะเขือเทศ และควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนมเนยทั้งหมด

เลือดกรุ๊ป B
อาหารสำหรับคนเลือดกรุ๊ป B คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวที่กินอาหารประเภทนม เนย และไข่ ได้ตามปกติ ยกเว้นเนยแข็งที่มีรสเข้ม เพราะจะทำให้ย่อยยาก ส่วนเรื่องของพืชผักนั้น แทบทุกอย่างให้ผลดีโดยเฉพาะผักใบเขียวทั้งหลาย ที่ไม่เหมาะเห็นจะเป็นข้าวโพด เพราะจะเป็นปัญหาต่อระบบการเผาพลาญและการสร้างอินซูลินของร่างกาย อาหารประเภทเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกวาง แกะ หรือ กระต่าย เหมาะกับคนที่มีเลือดกรุ๊ป B แต่ที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ เนื้อไก่

เลือดกรุ๊ป O
อาหารสำหรับคนเลือดกรุ๊ป O ลักษณะเด่นของคนที่มีเลือดกรุ๊ป O คือน้ำย่อยในระบบย่อยอาหารที่มีความเป็นกรดสูง ซึ่งเหมาะกับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ทั้งหมด โดยเฉพาะเนื้อประเภทเนื้อแดง ผักและผลไม้ส่วนใหญ่ก็มีประโยชน์สำหรับคนเลือดกรุ๊ป O สำหรับสิ่งที่ควรเน้นเพิ่มเป็นพิเศษก็คือ ปลาและอาหารทะเล เพื่อเพิ่มแคลเซียมซึ่งไม่ได้รับจากนม และเพื่อเพิ่มไอโอดีน แต่อาหารประเภทที่ไม่ค่อยเหมาะและอาจส่งผลต่อร่างกายได้ ก็คือ อาหารประเภทข้าว ถั่ว และนม

เลือดกรุ๊ป AB
อาหารสำหรับคนเลือดกรุ๊ป AB อาหารที่ส่งผลดีต่อร่างกายของคนเลือดกรุ๊ป A และอาหารที่ส่งผลดีต่อร่างกายคนเลือดกรุ๊ป B ก็จะส่งผลดีต่อร่างกายคนเลือดกรุ๊ป AB ด้วย อาหารมังสวิรัติจะให้ผลดีต่อร่างกายของคนกลุ่มนี้ อาหารประเภทนมเนยและไข่ก็กินได้ตามปกติ แต่ต้องไม่มากเกินไป จุดอ่อนของคนเลือดกรุ๊ปนี้คือ ระบบย่อยอาหารมักจะมีกรดเกิดขึ้นมาก ดังนั้น ควรกินเนื้อสัตว์ในปริมาณที่น้อยและอย่าบ่อยนัก

ใช้แนวความรู้จากการศึกษาของ ดร. ปีเตอร์ เจ ดี แอดดาโม (Dr. Peter J.D. Adamo)

จากแนวคิดของการรับประทานอาหารทั้ง 2 อย่างที่ได้อ้างอิงถึงในข้างต้น มีอิทธิพลกับชีวิตของผมมากหลังจากที่ผมฝึกโยคะได้สักพักหนึ่ง มีอยู่ช่วงหนึ่งผมรู้สึกว่าสุขภาพไม่ค่อยดี ทั้งๆที่ออกกำลังกายและฝึกโยคะเป็นประจำแต่ก็ยังไม่สบายอยู่บ่อยครั้ง  จนวันหนึ่งภรรยาของผมก็ได้ถามผมขึ้นมาว่า ทำไมถึงไม่สบายบ่อยจัง รู้ถึงไหนอายถึงนั่น เป็นถึงครูสอนโยคะ ควรจะลองปรับการรับประทานอาหารดู ไหนกรุ๊ปเลือดอะไร? กรุ๊ปเลือดเอ ใช่ไหม? นี่งัย ในข้อมูลที่เธอได้มาบอกว่าคนกรุ๊ปเลือดเอ ควรจะทานแบบมังสวิรัติ  ผมก็เลยถามภรรยาผมกลับไปว่า ข้อมูลที่ได้มาจะเชื่อถือได้แค่ไหนกัน?  ภรรยาผมสวนหมัดเด็ดกลับมาทันทีว่าลองดูก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรน๊ะ(เนื่องจากมีแนวคิดของโยคะเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วยผมก็เลย คิดในใจว่า ลองก็ลอง) จากนั้นผมก็เลยค่อยๆปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยเริ่มเลิกรับประทานเนื้อวัวก่อนเป็นอันดับแรก และเมื่อประสบความสำเร็จก็ค่อยๆเริ่มเลิกรับประทานเนื้อหมู และเมื่อประสบความสำเร็จผมก็ค่อยๆเลิกรับประทานเนื้อไก่ ปัจจุบันผมก็ทานแต่พืชผักผลไม้, เนื้อปลาและอาหารทะเล ตามสมควร

หลังจากรับประทานอาหารแบบที่ไม่มีเนื้อสัตว์ใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้ก็ประมาณเกือบ 2ปี สิ่งที่ผมสังเกตได้ก็คือผมไม่รู้จักกับการป่วยไข้ มามากกว่าหนึ่งปีแล้ว ทั้งๆที่อย่างน้อยที่สุด ช่วงที่เราเรียกกันว่าปลายฝนต้นหนาวนี่ล่ะครับ จะเป็นช่วงที่ผมมีสุขภาพค่อนข้างเปาะบางมากๆ และมักจะมีอาการไม่สบายในช่วงนั้นของทุกๆปี อย่างน้อยปีละ 1ครั้ง แต่ปีที่ผ่านมาผมผ่านมันมาได้แบบไม่คาดคิด ก็เลยคิดว่าจะยังคง รับประทานอาหารแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

แล้วทุกท่านที่เข้ามาอ่านบล็อกของผมล่ะครับ ท่านมีพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เป็นอย่างไรบ้างครับ ยังงัยก็อย่าลืม แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการรับประทานอาหารของคุณมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ

ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับผู้ฝึกโยคะทุกคนตลอดไป

รบกวนทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านบล็อก ทั้งตั้งใจและบังเอิญเข้ามาอ่านก็ดี ทุกความคิดเห็นของท่านมีความสำคัญมากๆสำหรับผม โปรดช่วยแสดงความคิดเห็น ด้านล่างของบทความทุกบทความที่ท่านให้เกียรติเข้ามาอ่าน เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข ให้กับผู้เขียนในโอกาสต่อไป หรือหากท่านต้องการส่งข้อความแสดงความคิดเห็นแบบส่วนตัวหรือเข้าไปเยี่ยมชมรูปภาพของครูจิมมี่ ก็สามารถติดต่อได้ที่ e-mail: jimmythaiyoga@yahoo.com www.facebook.com.โดยค้นหาจาก e-mail ขอบพระคุณมากๆครับ

นมัสเต,

จิมมี่โยคะ

ข้อมูล อาหารกับการฝึกโยคะ จาก หนังสือ เรียนรู้ก่อนฝึกโยคะ
ข้อมูล อาหารกับกรุ๊ปเลือด จาก ศูนย์โลหิต สภากาชาดไทย

3 ความคิดเห็น:

  1. สวัสดีค่ะครู

    งึ่มๆๆๆๆ

    นู๋ขอยอมรับอย่างจริงใจเลยว่า

    ทุกอย่างที่ครูเขียนมา ถูกต้องและเหมาะสมกับการดำเนินชีวิต

    ซึ่ง นู๋ ทำม่ายด้ายยยยยยยยยยยยยย 5555


    เคยมีคำกล่าวว่า U R what U eat

    แต่นู๋คิดว่า นู๋อ่ะ

    I Eat what I am


    บุญรักษาค่ะครู

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากครับ คุณวันอังคาร ที่เข้ามาเยี่ยมบล็อกของผมเป็นประจำสม่ำเสมอ และแสดงความคิดเห็นทุกครั้งที่เข้ามาอ่านบทความอีกต่างหาก

    ขอยกตำแหน่ง แฟนพันธ์แท้ประจำเดือน(ไม่ใช่สิ่งที่สุภาพสตรีทุกคนมีกันทุกเดือนนะครับ)ให้ไปเลยครับ...ฮิๆๆ

    ตอบลบ
  3. สวัสดีค่ะ คุณ Jimmy

    ข้อความข้างต้นมีประโยชน์มากเลยค่ะ พอดีกำลังหาข้อมูลเพื่อนำมาใช้กับตนเองอยู่ ดิฉันเป็นกรุ๊ปเลือด โอ ค่ะ ทานมังฯ มาได้ประมาณ 5 ปีแต่ก็ทานปลาบ้าง และทานข้าวกล้องและถั่วเป็นประจำ แต่เนื้ออื่น ๆ ไม่ทานเลย แต่จากข้อความข้างต้นทำให้ทราบว่าตนเองทานผิดมาตลอด ดิฉันเป็นครูโยคะและมีความรู้สึกที่ไม่อยากจะเบียดเบียนสัตว์เลย แต่สุขภาพขณะนี้รู้สึกบางครั้งจะหายใจไม่ค่อยสะดวกและความดันต่ำมาก ๆ เลย จนบางครั้งรู้สึกเหนื่อยง่าย ๆ ไปหาหมอก็เห็นว่าปกติดีทุกอย่าง ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ว่าดิฉันควรจะทำอย่างไงดีค่ะ หากไม่ต้องการที่จะทานเนื้อสัตว์

    ขอบพระคุณค่ะ

    หยี

    ตอบลบ

ความคิดเห็น ของคนในวงการโยคะ

ป้ายกำกับ

Powered By Blogger