เรื่องเล่า...จากครูโยคะ

เรื่องเล่า...จากครูโยคะ เป็นการรวบรวมเรื่องราวต่างๆจากประสบการณ์การสอนโยคะของครูจิมมี่ ถ่ายทอดออกมาเป็นบทความ สอดแทรกอารมย์ขัน เหมาะกับผู้ที่สนใจในการฝึกโยคะ, ครูฝึกโยคะและทุกๆคน ทุกเพศทุกวัย



สำหรับทุกๆท่านที่เพิ่งจะเข้ามาใช้บริการ อ่านบล็อก เรื่องเล่า...จากครูโยคะ โดยครูจิมมี่ สามารถเลือกคลิ๊กเข้าไปอ่าน บทความอื่นๆได้ ที่เดือนต่างๆ ซึ่งเรียงอยู่ทางด้านขวามือของบทความ ขอบพระคุณมากครับ



ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับคุณตลอดไป...นมัสเต...





วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สอนโยคะอย่างไร้ความสุข...เพราะเกิดความทุกข์...อยากเข้าห้องสุขา

จิมมี่ ใน ท่าภาสาสนะ(Noose Pose).... .ไม่ได้นั่งอึ๊

สอนโยคะอย่างไร้ความสุข...เพราะเกิดความทุกข์...อยากเข้าห้องสุขา

เหตุการณ์ที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ครูสอนโยคะทุกคนไม่อยากจะเจอเลยจริงๆ(สาบานได้) แต่ก็เคยเกิดขึ้นกับผมหลายครั้งหลายครา(รวมถึงเมื่อเช้านี้ด้วย สดๆ ร้อนๆ) โชคดีตรงที่ผมสามารถเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้งไป ก็คือการที่เรามีอาการท้องไส้ปั่นป่วน ต้องการเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายหนัก ในขณะที่กำลังดำเนินการสอนโยคะอยู่(ปัญหาระดับโลกของครูสอนโยคะทุกคน)  แล้วผมก็คิดว่าครูโยคะหลายๆท่านก็น่าจะเคยเจอกับประสบการณ์นี้บ้างไม่มากก็น้อย

ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ ท้องไส้ปั่นป่วนอยากเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายหนักของผม ก็ต้องย้อนไปเมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว ตอนนั้น ก่อนสอนผมดันไปรับประทานอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่ผมไม่เคยทานมาก่อน หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงก็ต้องสอนคลาส  อาการมันมาเริ่มตอนสอนไปได้สักประมาณ 35นาที(กำลังเป็นช่วงที่เล่นท่าค่อนข้างหนักพอดีเชียว) สิ่งที่ผมทำในตอนนั้นก็คือ ต้องยืนสอน แบบขาหนีบๆ ดูเรียบร้อยมากๆ การพูดก็จะพูดช้าลง เสียงเบาลงจากมาตรฐานเดิม และพูดน้อยกว่าปกติที่เคยเป็น(ไม่มีการสาธิตใดๆทั้งสิ้น ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนกับร่างกายของเราน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้นจะมีคนเอาปืนมาจ่อหัวก็ไม่ยอมสาธิต)  ในวันนั้นผมจำได้ดีว่าผมต้องอดทนสอนมาจนกระทั่งเหลือเวลาอีกเพียง 10นาทีก็จะจบคลาส ผมจึงให้นักเรียนนอนพักในท่าศพอาสนะ ปิดไฟในห้องให้มืด แล้วก็อาศัยความมืดรีบแว๊บออกไปเข้าห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว ในขณะที่นักเรียนกำลังนอนพักในท่าศพอาสนะอยู่ ผมใช้เวลาในการเข้าห้องน้ำน่าจะประมาณ 5-7 นาที แล้วก็รีบกลับมา ดำเนินการสอนแบบเนียนๆไปจนจบคลาส(เอาตัวรอดไปได้ อย่างไม่น่าเชื่อ)

ครั้งที่สอง เป็นสถานการณ์ที่โหดร้ายมากที่สุดในชีวิตการเป็นครูสอนโยคะของผมเลยก็ว่าได้ คิดถึงทีไรเป็นต้องขนลุกสู้ ชูชันทุกทีไป  วันนั้นถ้าจำไม่ผิดเป็นเช้าวันเสาร์ ผมต้องสอนประมาณ 9.00น. ในขณะที่กำลังเดินทางจะไปสอน รู้สึกง่วงนอน ยังสะลึมสะลืออยู่ เนื่องจากเป็นการสอนคลาสแรกของวัน ก็เลยแวะเข้าร้านสะดวกซื้อชื่อดังเพื่อหากาแฟเย็นดื่ม(ปัจจุบัน ผมเลิกดื่มกาแฟไปแล้วครับ)  เพื่อตอนที่สอนจะได้ช่วยกระตุ้นให้เรารู้สึกตื่นตัว คึกคัก มีชีวิตชีวา  ก็จริงๆด้วยครับ ตอนเริ่มสอนผมตื่นตัวมีชีวิตชีวา มีการยิงมุกฮาใส่สมาชิกตั้งแต่ตอนต้นของคลาส แต่พอเวลาผ่านไปได้ประมาณ 15นาทีเท่านั้นเอง ก็ฮาไม่ออกแล้วครับ ความทุกระทม เริ่มค่อยๆถาถมเข้ามาทีละนิด ทีละนิด จนต้องทำให้ยืนสอนบิดไปบิดมา ก็คล้ายๆเดิมครับ ต้องยืนสอน แบบขาหนีบๆ ดูเรียบร้อยมากๆ การพูดก็จะพูดช้าลง เสียงเบาลงจากมาตรฐานเดิม และพูดน้อยกว่าปกติที่เคยเป็น(ไม่มีการสาธิตใดๆทั้งสิ้น ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนกับร่างกายของเราน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้นจะมีคนเอาปืนมาจ่อหัวก็ไม่ยอมสาธิต) แต่เนื่องจากเหตุการณ์มันแตกต่างจากครั้งแรกก็คือ ผมต้องทนทุกข์ทรมานอยู่เนิ่นนานมากๆ(ต้องใช้ขันติขั้นสูง) ภาวนาในใจตลอดเวลาว่า อย่าเรี่ยราด ออกมาเชียวน๊ะ (หากเกิดการเรี่ยราดออกมาคงเป็นที่โจษจรรกันไปทั่ว ว่าครูคนนี้เคยขี้แตกตอนสอนโยคะมาแล้ว ใครจะไปเรียนกับเขาต้องระวังให้ดี) แค่คิดก็สยองแล้วครับ  วันนั้นท่าสอนจึงเบาๆเรื่อยๆ ไม่ต้องใช้พลังมาก เป็นไปตามสูตรล่ะครับ และปัญหาที่สำคัญในขณะนั้นก็คือสถานที่แห่งนั้นห้องน้ำดันไม่ได้อยู่ชั้นเดียวกับชั้นที่ผมสอนและอยู่ไกลจากตำแหน่งที่สอนพอควร ผมจึงไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์เหมือนกับเหตุการณ์ในครั้งแรกได้ ผมต้องทนมาจนถึง 5นาทีก่อนจบคลาสจึงตัดสินใจจบคลาสก่อนเวลา 5นาที (ไม่มีการ พูดคุย หรือ ตอบคำถามข้อสงสัยใดๆ จากการสอนในตอนนั้น เพราะธุระของผมสำคัญอย่างแสนสาหัส) พอถึงห้องน้ำถอดกางเกงแทบไม่ทัน แต่ก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยความทุลักทุเล

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ชีวิตผมก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย คือจะต้องไปให้ถึงสถานที่สอนก่อนเวลาและเข้าห้องน้ำก่อนเสมอถึงแม้จะไม่มีการขับถ่ายใดๆเลย แต่ก็จะเข้าไปนั่งก่อน(เผื่อมันจะมา) เหมือนคนเป็นโรคจิตก็ไม่เชิง แต่ก็รู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ได้ทำเช่นนี้ก่อนสอน  หากวันไหนผมทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มบางอย่างที่มีส่วนผสมของนมก่อนที่จะสอน แล้วมีเวลาไปเข้าห้องน้ำก่อนที่จะสอน บางทีไปนั่งมันก็มาจนทำให้เข้าห้องสอนช้ากว่าเวลาสอนเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าเข้าไปสอนแบบทรมานอย่างแน่นอนครับ

ผมหวังว่าเหตุการณ์ที่ผมได้กล่าวอ้างเล่าให้ฟังทั้งหมด คงจะเป็นอุทาหรณ์คอยเตือนเพื่อนร่วมวิชาชีพหรือทุกท่านได้เข้ามาอ่านบล็อกของผม ได้แง่คิดที่นำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตของท่านได้อย่างเหมาะสม จะได้ไม่พบกับความทุกข์ระทม อย่างเช่นที่ผมได้ประสบมา

ขอพลังแห่งโยคะ และความอดทนในเรื่องนี้ที่ผมเคยมี...จงอยู่กับผมตลอดไป.

รบกวนทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านบล็อก ทั้งตั้งใจและบังเอิญเข้ามาอ่านก็ดี ทุกความคิดเห็นของท่านมีความสำคัญมากๆสำหรับผม โปรดช่วยแสดงความคิดเห็น ด้านล่างของบทความทุกบทความที่ท่านให้เกียรติเข้ามาอ่าน เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข ให้กับผู้เขียนในโอกาสต่อไป หรือหากท่านต้องการส่งข้อความแสดงความคิดเห็นแบบส่วนตัวหรือเข้าไปเยี่ยมชมรูปภาพของครูจิมมี่ ก็สามารถติดต่อได้ที่ e-mail: jimmythaiyoga@yahoo.com www.facebook.com.โดยค้นหาจาก e-mail ขอบพระคุณมากๆครับ

นมัสเต,

จิมมี่โยคะ

5 ความคิดเห็น:

  1. สวัสดีค่ะครู

    นู๋ว่า นี้เป็นปัญหาระดับชาติ สำหรับคนเรียนโยคะเลยน่ะนี้

    เป็นประสบการณ์ที่ใครก็ไม่อยากมี

    แต่ถ้าได้มี รับรองลืมไม่ลงแน่ๆ 5555


    นู๋เคยแค่ อยากเข้าห้องน้ำแบบเบาๆ

    ขนาดนั้น ยังกระสับกระส่ายจะแย่

    สุดท้าย เลยอาศัย ความใจกล้า

    แอบกระซิบกับครู ตอนเค้าเดินผ่าน

    แล้วหนีไปห้องน้ำอย่างเร่งด่วน และไม่กลับมาอีกเลย 5555


    บุญรักษาค่ะครู

    ตอบลบ
  2. ถ้าข้าศึกประชิดประตูเมือง ก็ควรจะกำจัดซะก่อน ประตูจะพังทลาย

    5555

    เคยเจอคลาสอื่นที่ ครูผู้สอน ต้องวิ่งออกนอกห้องกระทันหันโดย

    ไม่บอกกล่าวอะไร และกลับเข้ามาเหงื่อซกเลย หลังคลาสแอบถาม

    ครูผู้สอนตอบอย่างอาย ๆ ว่าท้องเสีย อั้นไม่ไหว

    จริง ๆ เป็นรื่องธรรมดาของมนุษย์ มันเกิดได้กับทุกคน

    คิดมากก็เรื่องมาก คิดน้อยก็เรื่องน้อย

    มาลงชื่ออ่านแล้ว

    ตอบลบ
  3. ใช่ครับ เป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลง และจริงๆถ้าทำได้ก็อยากจะวิ่งไปเข้าห้องน้ำ ณ ตอนนั้นเลยทันที แต่ด้วยภาระหน้าที่ ไม่อยากจะวิ่งหนีนักเรียนตาดำๆไป เดี๋ยวจะงง..กันทั้งคลาส และคิดว่านักเรียนบางคนก็คงเข้าใจ แต่ในทางกลับกันก็อาจจะมีนักเรียนบางคนที่ไม่เข้าใจ และคิดว่าครูไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย(มืออาชีพหรือไม่? ก็สามารถขี้แตกได้ด้วยกันทั้งนั้น) เจริญพร...

    ตอบลบ
  4. สวัสดีค่ะครู

    งึ่มๆๆ นู๋ว่า มืออาชีพ แค่ไหน

    แต่ถ้าข้าศึกประชิดขนาดนั้น ก็คงเอาไม่อยู่ทั้งนั้นแหละค่ะครู

    55555

    บุญรักษาค่ะ

    ตอบลบ
  5. สวัสดีค่ะครู

    เรื่องที่คุยกันว่า แล้วคนอื่นจะเข้าใจในสิ่งที่เราพยายามสื่อออกไปไหม

    ทำให้นู๋คิดถึงเรื่องหนึ่ง ขึ้นมาได้

    เวลานู๋ไปเล่นโยคะ ใครๆ ก็ชอบถามว่า ไปไหนเรอะ

    นู๋จะตอบว่า ไปที่ชอบ ที่ชอบ

    คนส่วนใหญ่ จะคิด เป็นไรมากป่าวนี้

    ซึ่ง นู๋กลับคิดว่า นู๋โชคดี ที่ได้เจอและทำในสิ่งที่ชอบ ตั้งแต่ตอนยังมีชีวิตอยู่

    เพราะตายไปแล้ว เป็นไงไม่รู้ ไม่มีใครกลับมาตอบได้จริงๆ ซักคน

    ปล. ถ้ากลับมาได้ ก็ไม่ต้องมาหานู๋เพื่อยืนยันหรอกน่ะ 555



    ต้องบอกว่า ก่อนมาเจอโยคะ นู๋ใช้ชีวิต แบบ Party อาทิตย์ละเกือบ 5 วันเลยมั้ง

    พอเริ่มเล่นโยคะ นู๋เลยเข้าใจว่า ความสุขน่ะ

    หาได้ง่ายมาก อยู่ที่ใจเราเองทั้งนั้น

    ไม่ต้องการสิ่งเสริมเพิ่มเติม ไม่ต้องถมใจด้วยสิ่งของหรอก

    แค่ตัวเรา ลมหายใจ และ เสื่อดีๆ ซักผืนหนึ่ง (เสื่อเหม็นๆ ก็ไม่ค่อยสุขน่ะ อิอิ)

    ความสุข ก็มีได้แล้ว


    ดังนั้น เขียนเลยค่ะครู

    นู๋เชื่อว่า ชาวโยคะ น่ะ

    เค้าต้องเข้าใจในสิ่งที่ครูพยายามสื่อแน่ๆ

    แล้วจะรอ ครู เขียนหัวข้อใหม่น่ะค่ะ


    บุญรักษาค่ะครู


    เอิ่ม ขอสารภาพอีกนิดหนึ่ง

    แต่นู๋ก็ยังไป Party อยู่น่ะ

    เพียงแต่ลดลง เหลือแค่ประมาณ 10 – 15% ของแต่ก่อนอ่ะ

    กิเลส ยังพอมีให้ลุ้นค่ะ 555

    ตอบลบ

ความคิดเห็น ของคนในวงการโยคะ

ป้ายกำกับ

Powered By Blogger