เรื่องเล่า...จากครูโยคะ

เรื่องเล่า...จากครูโยคะ เป็นการรวบรวมเรื่องราวต่างๆจากประสบการณ์การสอนโยคะของครูจิมมี่ ถ่ายทอดออกมาเป็นบทความ สอดแทรกอารมย์ขัน เหมาะกับผู้ที่สนใจในการฝึกโยคะ, ครูฝึกโยคะและทุกๆคน ทุกเพศทุกวัย



สำหรับทุกๆท่านที่เพิ่งจะเข้ามาใช้บริการ อ่านบล็อก เรื่องเล่า...จากครูโยคะ โดยครูจิมมี่ สามารถเลือกคลิ๊กเข้าไปอ่าน บทความอื่นๆได้ ที่เดือนต่างๆ ซึ่งเรียงอยู่ทางด้านขวามือของบทความ ขอบพระคุณมากครับ



ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับคุณตลอดไป...นมัสเต...





วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Thailand Yoga Festival 2011และช่วงเวลาดีๆในชีวิตของครูจิมมี่





Thailand Yoga Festival 2011และช่วงเวลาดีๆในชีวิตของครูจิมมี่


อย่างที่ได้ทราบกันเป็นอย่างดีครับ สำหรับสาวกโยคะทุกๆท่าน ว่างานไทยแลนด์โยคะเฟสติวัล มหกรรมโยคะที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย มักจะจัดขึ้นในช่วงใกล้ๆปลายปีของทุกๆปี โดยปกติแล้วในปีนี้งานจะต้องถูกจัดขึ้นสุดสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม แต่เนื่องจากมหาวิกฤตภัยน้ำท่วม จึงทำให้งานโยคะมีอันต้องเลื่อนมาจัดเป็น เสาร์ที่๑๗ และอาทิตย์ที่๑๘ธันวาคม ๒๕๕๔ และเปลี่ยนสถานที่ในการจัดงาน จากที่ตั้งใจจะจัดที่ปิยรมณ์สปอร์ตคลับ ก็มีอันต้องกลับมาจัดที่โรงเรียนนานาชาติบางกอกเปร็ป อีกครั้ง(ที่เดิม ที่จัดงานทั้งสองปีที่ผ่านมา)


และจากการเลื่อนงานออกไปนี้ จึงมีผลทำให้ครูสอนโยคะชาวต่างชาติหลายต่อหลายท่านไม่สามารถจะมาสอนได้ เนื่องจากมีคิวงานสอนในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ จึงทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนคลาสและตัวครูผู้สอนพอสมควรเลยทีเดียวสำหรับฝ่ายจัดงาน


ไทยแลนด์โยคะเฟสติวัลปีนี้ ผมได้รับเกียรติครั้งสำคัญในชีวิตเลยล่ะครับ โดยการได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในวิทยากร ครูสอนโยคะ ที่ขึ้นสอนโยคะ ในงานโยคะที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย...ทางฝ่ายจัดงานคือนิตยสารโยคะเจอร์น่อลไทยแลนด์ จัดให้ผมสอนในวันเสาร์ที่๑๗ธันวาฯ เวลา๙.๔๕-๑๑.๔๕น. ซึ่งเป็นคลาสที่สองของวันแรกในงานนี้ โดยทางฝ่ายจัดเสนอให้ผมสอนในหัวข้อที่ไม่เคยสอนที่ไหนมาก่อน เพื่อจะได้สร้างความสนใจให้กับผู้ที่เคยฝึกและเคยเรียนโยคะกับผม ผมจึงเลือกที่จะสอนในหัวข้อ "โยคะอาสนะเพื่อการบริหารข้อต่อสะโพก" โดยแนวคิดของผมก็คือ ต้องการให้ผู้ฝึกเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการฝึกท่าโยคะอาสนะเพื่อการบริหารข้อต่อสะโพก ซึ่งก็คือ การพัฒนาร่างกายของเราโดยเฉพาะบริเวณข้อต่อสะโพก ให้มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นที่ดีขึ้นเพื่อจะได้ทำให้เรา สามารถนั่งสมาธิในท่าปัทมาอาสนะ ได้อย่างต่อเนื่องยาวนานขึ้น เพื่อเป็นการเกื้อหนุน และนำเราไปสู่เป้าหมายสูงสุดของการฝึกโยคะ คือ ฌาณหรือสมาธินั่นเอง


แรกๆผมก็หวั่นใจนิดๆ เนื่องจากมหาวิกฤตภัยน้ำท่วม เกรงว่าคนในคลาสของผมจะน้อยจนเงียบเหงา ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีคลาสหยินโยคะของครูเซบัสเตียนด้วย เนื่องจากข้อจำกัดของสถานที่ในการจัดงานทั้งสองห้องที่ใช้ในการสอนจึงมีขนาดไม่เท่ากัน ห้องหนึ่งเป็นยิมเนเซี่ยมขนาดใหญ่เลยล่ะครับ(สนามบาสเก็ตบอลในร่ม น่ะครับ...ใหญ่มากๆ) ส่วนอีกห้องหนึ่งเป็นคล้ายๆห้องเรียนที่มีพื้นที่กว้างพอสมควร และพื้นห้องถูกออกแบบให้ใช้งานได้แบบเอนกประสงค์แต่ก็มีขนาดเล็กกว่าห้องยิมเนเซี่ยมแน่นอนครับ...ทางฝ่ายจัดงานจัดแบ่งการใช้ห้องดังกล่าว โดยการดูจากจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าคลาส หากว่าสอนในเวลาเดียวกัน ครูคนไหนมีจำนวนผู้เลือกเข้าคลาสเย๊อะกว่าก็จะถูกจัดให้ไปสอนในห้องขนาดใหญ่กว่า ซึ่งแน่นอนครับผมได้ไปสอนที่ห้องใหญ่ ใจหนึ่งก็รู้สึกแอบดีใจว่ามีคนเลือกเรียนกับเราเย๊อะกว่าอีกคลาสหนึ่ง แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าไอ้ที่เย๊อะกว่าอีกคลาสหนึ่งน่ะ อาจจะเย๊อะกว่าแค่สามคนหรือห้าคนก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆล่ะก็ คงจะนั่งกันเหงาเลยล่ะครับ







พอมาถึงเวลาที่จะต้องสอนจริงๆ เมื่อคนค่อยๆเริ่มทยอยกันเข้ามาในห้องยิมเนเซี่ยมขนาดใหญ่ ก็เล่นเอาผมตื่นเต้น ขาสั่น เสียงสั่นเล็กน้อยเลยเหมือนกันครับ เพราะคนมาเย๊อะกว่าที่ผมคิดไว้ ผมแอบนับคร่าวๆได้ที่ประมาณ ๗๐คน เลยล่ะครับ ที่มาเข้าเรียนในคลาสของผม ปัญหาอีกประการหนึ่งที่ตามมาในการสอนของผมก็คือ ผมไม่เคยสอนคลาส ๒ชั่วโมงน่ะครับ ผมมักจะเคยชินกับการสอนคลาสในแบบ ๑ชั่วโมง, ๑ชั่วโมงครึ่ง หรือเป็นเวิร์คชอฟแบบ ๓ชั่วโมงไปเลย สิ่งทีผมอยากนำเสนอมีเย๊อะมาก แต่เนื่องจากเวลามันมีจำกัดแค่ ๒ชั่วโมงเท่านั้น จึงเล่นเอาผมเกือบจบไม่ลงเหมือนกันล่ะครับ สอนเกินเวลาไป ๑๕นาที แต่ทุกอย่างในการสอนของผม ก็สามารถผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่น เรียบร้อยครับ






                                      (ครูจิมมี่ และครูที.เจ.เพ็ง)




                            (ครูจิมมี และคุณป๊อป, อารียา)




                               (ครูจิมมี่ และครูอุ้ม, สุชาวดี)




                                 (ครูจิมมี่ และครูอิโด้)

ภายในงานไทยแลนด์โยคะเฟสติวัลนี้ เนื่องจากทางสถาบันฟิตของเราก็ได้มาออกบู๊ทด้วยเป็นประจำทุกปี ผมจึงได้อาศัยนำหนังสือของ"เรื่องเล่า...จากครูโยคะ"ผม และเสื้อยืดโยคะการกุศล นำเงินรายได้ไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม มาวางจำหน่ายที่บู๊ทของสถาบันฟิต พร้อมทั้งแจกลายเซ็นต์ให้ผู้ที่ซื้อหนังสือจากผมทุกคนเลยครับ(ซึ่งก็ไม่ค่อยจะแน่ใจเหมือนกัน ว่าท่านต่างๆเหล่านั้นที่ซื้อหนังสือไป ต้องการลายเซ็นต์ของผมหรือไม่ อิๆๆ) บรรยากาศที่บู๊ทของสถาบันฟิตก็สนุกสนานเลยล่ะครับ ทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันรวมจนถึงผู้ที่มาเข้าร่วมงานในครั้งนี้ต่างก็แวะเวียนกันเข้ามาที่บู๊ทของเรา นอกจากนี้ก็ยังมีบู๊ทจำหน่ายสินค้ารวมจนถึงโยคะสตูดิโอต่างๆอีกพอประมาณ แต่ผมรู้สึกว่าบรรยากาศของงาน รวมถึงการเดินเลือกซื้อสินค้าที่บู๊ทขายสินค้าต่างๆของผู้เข้าร่วมงานและผู้สนใจที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมงาน ค่อนข้างจะเงียบเหงากว่าทุกๆปีที่ผ่านมา









                      (ครูเอก, สรวิชญ์ Singing Yogi และครูจิมมี่)




                                (ครูหนู, ชมชื่น สิทธิเวช และครูจิมมี่)




                                (ครูจิมมี่, คุณยุ้ย, ครูวีณา, ครูเซบัสเตียน)



                                (ครูโจนัส และครูจิมมี่)




    (ทีมครูจาก It's Yoga เดวิด, ครูจิมมี่, ครูริคาโด้ และครูจอย)




                                (ครูไอช่า และครูจิมมี่)




                               (ครูอี๊ด สวนลุมฯ และครูจิมมี่)




                            (ครูจิมมี่, ครูมาร์ค และคุณแตง Lullaby Yoga)

และหลังจากงานวันแรกกำลังผ่านพ้นไป ผมก็เดินทางกลับมาพักผ่อนยังที่พักของผม เพราะตั้งใจว่างานในวันที่สอง ผมก็จะไปนั่งประจำที่บู๊ทเพื่อโปรโมทคอร์สครูฝึกโยคะของสถาบันฟิต และหนังสือ"เรื่องเล่า...จากครูโยคะ"ของผม  สิ่งที่ไม่คาดคิดก็ค่อยๆปรากฏสัญญาณเตือน เมื่อภรรยาของผมที่กำลังตั้งครรภ์ได้เกือบจะ ๙เดือนแล้ว บอกกับผมว่ามีการเกร็งภายในช่องท้องเป็นระยะๆจนทำให้รู้สึกปวดหน่วงๆ คุณหมอที่ผมและภรรยาไปฝากครรภ์ไว้ท่านได้แนะนำว่า หากในช่วงก่อนที่จะครบกำหนดครรภ์ ๙เดือนนี้ ภรรยาผมมีการเจ็บเกร็งภายในช่องท้องอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องทุกๆ๑๐นาที ยาวนาน ๒-๓ชั่วโมง โดยที่อาการเกร็งที่ว่านี้จะทำให้รู้สึกปวดหน่วงๆและถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนเราเริ่มรู้สึกว่าอาการปวดค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ก็ให้รีบมาที่โรงพยาบาลทันที...จากการสังเกตการณ์ ตั้งแต่ห้าทุ่มไปจนถึงตีสอง ก็พบว่าใช่แน่ๆแล้ว ผมจึงรีบพาภรรยาไปโรงพยาบาลทันที ซึ่งจริงๆแล้วคุณหมอได้กำหนดวันคลอดไว้เป็นวันพฤหัสฯที่ ๒๒ ธันวาฯ ๒๕๕๔


และในเวลา๐๓.๔๑น. ของเช้าตรู่วันอาทิตย์ที่ ๑๘ธันวาคม ๒๕๕๔ ลูกชายของผม(น้องขุน) ก็ได้ถือกำเนิด ลืมตามาสู่โลกนี้ ด้วยน้ำหนักตัว 3,095กรัม ถือได้เลยว่าเสาร์ที่๑๗ และอาทิตย์ที่๑๘ ธันวาฯ ที่ผ่านมานี้เป็นวันดีๆมากๆเลยครับสำหรับผม  ถึงแม้นว่าผมจะต้องอดตาหลับขับตานอนก็ตาม(ดีมากๆเลยนะครับที่ลูกชายคนนี้รู้จังหวะเวลา มาคลอดหลังจากที่ผมสอนงานใหญ่เสร็จพอดี หากคลอดคืนก่อนที่จะต้องขึ้นสอนล่ะก็ คงจะจินตนาการไม่ถูกเลยล่ะครับสำหรับผม) ช่วงนี้ผมก็เลยต้องมีการงดการสอนในบางคลาสบ้างพอประมาณ เพื่อมาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับภรรยาของผมและคอยแบ่งเบาภาระบางส่วนในการเลี้ยงลูกน้อย สมาชิกใหม่ของครอบครัวเรา








                               (ครูจิมมี่ กับน้องขุนแรกเกิด)

ช่วงเวลาดีๆของผมกับการสอนโยคะ มิตรภาพอันงดงามจากเพื่อนๆครูโยคะและผู้มาร่วมเข้าเรียนโยคะในคลาสของผม ความรักและกำลังใจที่แสนงดงามและยิ่งใหญ่จากครอบครัวอันเป็นที่รักของผมจนทำให้ผมได้มีสมาชิกใหม่ของครอบครัวอีก ๑คน 


แล้วพบกันใหม่ ในงานไทยแลนด์โยคะเฟสติวัล ปีหน้านะครับ ซึ่งก็ยังไม่มีอะไรแน่นอนว่าจะจัดที่ไหน เมื่อไหร่ และก็ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าผมจะได้รับเกียรติให้ขึ้นสอนอีกหรือไม่...แต่ที่แน่ๆก็คือว่าปีหน้าผมและภรรยาไม่มีทายาทเพิ่มแน่นอนครับ อิๆๆ

ขอพลังแห่งโยคะ, วันดีๆ, ความรัก, ความศรัทธา จงอยู่กับทุกๆคนตลอดไป

นมัสเต,

จิมมี่โยคะ


วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554

โอกาสอะไร...ที่พวกเราได้รับจากโยคะ


โอกาสอะไร...ที่พวกเราได้รับจากโยคะ

จากการที่ผมได้มีโอกาสรู้จักกับคุณอิทธิฤทธิ์ ประคำทอง บรรณาธิการของสื่อโยคะออนไลน์ "อรุโณทัย" จึงทำให้ผมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องโยคะกับคนอื่นๆมากขึ้น ซึ่งคุณอิท มักจะมีการตั้งหัวข้อ หรือเปิดประเด็น ที่จะให้พวกเราได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในวงการโยคะเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อนำข้อมูลต่างๆที่ได้รับจากคนในวงการโยคะไปเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆเลยล่ะครับ

ล่าสุด หัวข้อ หรือ ประเด็นที่คุณอิทได้หยิบยกขึ้นมาก็คือ "โอกาสที่เราได้รับจากโยคะ" ผมว่าเป็นหัวข้อที่ดีมากๆและหลายๆคนคงมีความทรงจำดีๆและความประทับใจต่างๆอย่างมากมายเกี่ยวกับโยคะ ซึ่งผมเองก็เลยถือโอกาตรงนี้ ร่วมแบ่งปันความคิดเห็นในหัวข้อนี้ตามมุมมองของผมดังต่อไปนี้ 

โดยส่วนตัวแล้ว โอกาสที่ผมเองได้รับ หลังจากที่ผมได้เริ่มรู้จักกับโยคะและเริ่มฝึกโยคะนั้นมีเยอะเสียจนผมจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยล่ะครับ ผมขอจำแนกเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้

1.โอกาสที่สำคัญมากๆในชีวิตการทำงานของผมมาจนถึงทุกวันนี้ ก็คือการที่ผมได้เลือกตัดสินใจที่จะมาเป็นครูสอนโยคะ หลังจากที่รู้สึกดีมากๆกับการฝึกโยคะครั้งแรกของผมเมื่อ12ปีที่แล้ว ในสมัยที่ผมเพิ่งจะเริ่มทำงานใหม่ๆด้วยการเป็นครูฝึกในฟิตเนส มันเป็นการทำให้ผมได้มีโอกาสนำเอาความสามารถที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในตัวผมออกมาสร้างประโยชน์อย่างมากมายให้กับตัวเองและผู้อื่นอย่างไม่น่าเชื่อ

 

2.เป็นโอกาสที่สำคัญมากๆ ที่ทำให้ผมได้ค้นพบกับอาชีพที่ผมรัก อาชีพที่ผมทำแล้วมีความสุข และยังคงเลือกที่จะพัฒนา, ก้าวเดินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งกับอาชีพนี้(ณ จุดนี้ทำให้ผมเลือกที่จะลาออกจากงานประจำ เพื่อมาสอนโยคะแบบอิสระจนถึงทุกวันนี้) มันไม่ใช่เรื่องง่ายครับที่เราจะใช้เวลาเพียงไม่นานนักค้นพบกับสิ่งที่ตนเองทำแล้วรัก ทำแล้วมีความสุข และสามารถนำมาเป็นอาชีพได้ ดังนั้นผมถือว่านี่เป็นโอกาส+โชคดีครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นกับชีวิตของผม
 

3.เป็นโอกาสดีๆ ที่ทำให้ผมได้เดินทางไปเข้าฝึกอบรมและสอนโยคะในสถานที่ต่างๆ มากมายและได้พบกับผู้คนมากมายในหลายๆสาขาวิชาชีพที่มีใจรักในการฝึกโยคะ ทำให้ผมได้พบกับมิตรภาพ และได้รับประสบการณ์ต่างๆอย่างมากมายในชีวิตการตระเวนสอนโยคะแบบอิสระ(มีครบทุกรสชาติเลยล่ะครับ)

และสำหรับทุกๆคนแล้วโอกาสสำคัญมากๆที่เราได้รับจากโยคะก็คงจะคล้ายคลึงกัน คือการที่โยคะได้มอบโอกาสให้กับพวกเราทุกคนด้วยการสอนให้เราอยู่อย่างมีความสุข, สอนให้เราเรียนรู้ที่จะปรับตัวและอยู่กับธรรมชาติได้อย่างเหมาะสม กลมกลืน ลงตัว, สอนให้เรารู้จักพอเพียงและเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ แบ่งปัน, สอนให้เราเข้าใจผู้อื่นและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมอย่างมีความสุข

และในเมื่อโยคะได้ให้โอกาสกับพวกเรามากมายขนาดนี้ ผมเองก็คงจะต้องใช้โอกาสที่ได้รับมานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด กับตนเอง ผู้อื่น สังคมและประเทศชาติ ตามกำลังความสามารถของผมโดยผมเลือกที่จะแบ่งปันเรื่องราวที่คิดว่าน่าจะเป็น ประโยชน์กับผู้อื่นผ่านบล็อโยคะของผมhttp://jimmyhathavinyasayoga.blogspot.com/ รวมจนถึงการสอนโยคะการกุศลเพื่อรวบรวมเงินไปสมทบทุนช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในโอกาสต่างๆ ภายใต้ชื่อโครงการ "Shanti to Thailand with Karma Yoga, We can do it Together" ผมถือว่านี่คือการส่งต่อโอกาสไปสู่ผู้อื่นที่ผมพอจะสามารถกระทำได้

"เมื่อเราเป็นผู้ที่เคยได้รับโอกาส เราเองก็ควรจะเป็นผู้ที่มอบโอกาสหรือส่งต่อโอกาสให้ผู้อื่นบ้างเช่นกัน"

สามารถเข้าไปอ่านความคิดเห็นของคนในวงการโยคะท่านอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ 

http://issuu.com/ittirit/docs/arunothai10

ขอพลังแห่งโยคะและโอกาสที่เราพึงปรารถนาจงอยู่กับเราทุกๆคนตลอดไป

นมัสเต,


จิมมี่โยคะ

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

โยคะเวิร์คชอฟ ที่ลำพูน และเชียงใหม่ โดยครูจิมมี่...





โยคะเวิร์คชอฟ ที่ลำพูน และเชียงใหม่ โดยครูจิมมี่...


สำหรับผู้หลงไหลในการฝึกโยคะ ชาวจังหวัดลำพูน+เชียงใหม่ และชาวจังหวัดใกล้เคียง เตรียมตัวพบกับโยคะเวิร์คชอฟ โดยครูจิมมี่ วันเสาร์ที่25 และวันอาทิตย์ที่26 กุมภาพันธ์ 2555

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2555 
เวลา 8:30 -12:30น.  Art of Adjustments for Yoga Asana เป็นเวิร์คชอฟสำหรับผู้ที่เป็นครูสอนโยคะที่ต้องการทบทวนและเรียนรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับการเข้าไปช่วยผู้ฝึกโยคะในการจัดระเบียบร่างกาย

ณ สนามกีฬากลาง จังหวัดลำพูน

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2555
เวลา9:00 -16:30น.  เป็นเวิร์คชอฟแบบเต็มวันสำหรับผู้ฝึกโยคะทุกระดับ

ณ โรงแรม ฮอลิเดย์อินน์ จังหวัดเชียงใหม่

318/1 ถนนเชียงใหม่-ลำพูน ตำบล.วัดเกศ อำเภอ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่

9.00-12.00น. Applied Bandha for Yoga Practitioner.
 การนำเทคนิคของพันธะมาประยุกต์ใช้กับการฝึกโยคะอาสนะ
เป็นเวิร์คชอฟ แบบทฤษฎีเชิงปฏิบัติ
การเรียนรู้เกี่ยวกับการฝึกทำพันธะ(ล็อคร่างกาย)ทั้งสาม คือ ชาลันธรพันธะ, อุททียาณพันธะ และมูลพันธะ สำหรับการฝึกโยคะในขั้นพื้นฐาน เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการฝึกโยคะอาสนะของตัวเราเองอย่างเหมาะสม และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการฝึกโยคะ
(เหมาะสำหรับผู้ฝึกโยคะทุกระดับ)

13.30 - 16.30 น. Hips Opener Series for Yoga Asana.
ท่าฝึกโยคะอาสนะเพื่อการบริหารข้อต่อสะโพก
เป็นเวิร์คชอฟ แบบทฤษฎีเชิงปฏิบัติ
การเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคในการฝึกท่าบริหารข้อต่อสะโพกต่างๆสำหรับการฝึกโยคะอาสนะ
เพื่อมาประยุกต์ใช้ในการฝึกโยคะอาสนะของเราอย่างเหมาะสม
(เหมาะสำหรับผู้ฝึกโยคะทุกระดับ)


ค่าใช้จ่าย สำหรับการลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมอบรม วันเสาร์ที่25 กุมภาพันธ์ 2555
เพียงวันเดียว(เวลา8:30-12:30น.)
สมัคร+โอนเงิน ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2554 ในราคาพิเศษเพียงท่านละ 550 บาท เท่านั้น
สมัคร+โอนเงิน ตั้งแต่1 มกราฯ - 14 กุมภาฯ 2554 ในราคาท่านละ 650 บาท
สมัคร+โอนเงิน ตั้งแต่15 กุมภาฯ - 25 กุมภาฯ 2554 ในราคาท่านละ 790 บาท

ค่าใช้จ่าย สำหรับการลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมอบรม วันอาทิตย์ที่26 กุมภาพันธ์ 2555

เพียงวันเดียว(เวลา9:00-16:30น.)
สมัคร+โอนเงิน ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2554 ในราคาพิเศษเพียงท่านละ 990 บาท เท่านั้น
สมัคร+โอนเงิน ตั้งแต่1 มกราฯ - 14 กุมภาฯ 2554 ในราคาท่านละ 1,200 บาท
สมัคร+โอนเงิน ตั้งแต่15 กุมภาฯ - 25 กุมภาฯ 2554 ในราคาท่านละ 1,300 บาท


ค่าใช้จ่าย สำหรับการลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมอบรม ทั้งสองวัน วันเสาร์ที่25+อาทิตย์ที่26 กุมภาพันธ์ 2555

สมัคร+โอนเงิน ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2554 ในราคาพิเศษเพียงท่านละ 1,500 บาท เท่านั้น
สมัคร+โอนเงิน ตั้งแต่1 มกราฯ - 14 กุมภาฯ 2554 ในราคาท่านละ 1,750 บาท
สมัคร+โอนเงิน ตั้งแต่15 กุมภาฯ - 25 กุมภาฯ 2554 ในราคาท่านละ 1,990 บาท


ดังนั้นถ้าต้องการสมัครแบบราคาพิเศษก็ควรสมัครก่อนปีใหม่น๊ะจ๊ะทุกๆท่าน

สามารถโทร.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่...
ครูเหมย. 08-5864-1016 และ 08-5616-6093

พิเศษ ! ทดลองฝึกโยคะบนเสื่อ Manduka ได้ในงานนี้, พบกับบู๊ทสินค้า Manduka YogaAum เสื้อผ้า Be Present และTonic มาลดราคาพิเศษในวันงาน

หวังว่าเราคงจะได้พบกัน ในโยคะเวิร์คชอฟ ของผมที่ลำพูนและเชียงใหม่ นะครับ

ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับทุกคนตลอดไป

บุญรักษา พระคุ้มครอง

นมัสเต,

จิมมี่โยคะ


วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

หนังสือ "เรื่องเล่า...จากครูโยคะ" โดยครูจิมมี่


หนังสือ "เรื่องเล่า...จากครูโยคะ" โดยครูจิมมี่

"สัมผัสเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงของครูโยคะ  ในมุมที่คุณอาจคาดไม่ถึง"

จากบทความในบล็อกโยคะของผม ณ ตอนนี้ได้นำไปถูกจัดรวมเรียบเรียงเป็นหนังสือ พร้อมสู่สายตาทุกๆท่านเรียบร้อยแล้วครับ

หลังจากที่ผมได้เขียนบทความผ่านบล็อกโยคะมาเกือบ 2ปี มีบทความจำนวนมากมายในบล็อกของผม มีผู้แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมและอ่านบทความเกี่ยวกับโยคะของผมจำนวนไม่น้อย จนทำให้เกิดเป็นกระแสแนะนำจากหลายๆท่านให้รวบรวมเรื่องราวต่างๆที่ผมถ่ายทอดผ่านบล็อกมารวมเป็นเล่ม ซึ่งตอนนี้ผมและทีมงานก็ได้จัดทำหนังสือเล่มนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ

เป็นหนังสือเกี่ยวกับโยคะที่ไม่ได้สอนท่าโยคะอาสนะ แต่เล่าถึงประสบการณ์ต่างๆจากการเรียนและการสอนโยคะของผมอย่างยาวนาน ด้วยสไตล์การเขียนแบบเป็นกันเอง สนุกสนานน่าติดตามไม่เครียด สอดแทรกสาระ หลักการ จริยธรรม จรรยาบรรณ ทำให้ผู้อ่านเข้าใจโยคะ และเข้าใจหัวอกของครูสอนโยคะ

คำนิยมหนังสือ จาก ครูเดวิด สเวนสัน(สุดยอดครูอัษฎางคโยคะ ระดับโลก), อาจารย์กวี คงภักดีพงษ์(ผู้อำนวยการสถาบันโยคะวิชาการ), คุณซูซาน ฮอสลี่ย์(ผู้อำนวยการสถาบันฟิต)

หนังสือ " เรื่องเล่า...จากครูโยคะ" โดย ยุทธนา  พลเจริญ (ครูจิมมี่)
เนื้อหาในเล่มประกอบด้วยบทความโยคะของผม 48เรื่อง
หนังสือเล่มนี้มี  231หน้า
พิมพ์ครั้งที่1  ตุลาคม 2554
พิมพ์จำนวน 1,500 เล่ม
พิมพ์ที่ บริษัท ส เจริญ การพิมพ์ จำกัด
ราคาขายที่สันปก 179 บาท

เนื่องจากหนังสือเล่มนี้ผู้เขียน(ครูจิมมี่)และทีมงาน เป็นผู้จัดทำเองทั้งหมดโดยไม่มีสปอนเซอร์และสำนักพิมพ์ใดๆที่ร่วมสนับสนุนการจัดทำ  จึงไม่ได้มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป ดังนั้นสำหรับผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อได้ที่สถาบันฟิต หรือโทร.สั่งซื้อและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คุณเปิ้ล 0860212845


นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลผ่านทางเฟสบุ๊คได้ที่

ครูจิมมี่ http://www.facebook.com/jimmy.yoga

คุณเปิ้ล http://www.facebook.com/#!/profile.php?id=100000090250623&sk=wall


หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือ"เรื่องเล่า...จากครูโยคะ" จะเป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่เข้าไปอยู่ในใจของคนในวงการโยคะ

ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับทุกๆคนตลอดไป

นมัสเต,

จิมมี่โยคะ

Shanti to Thailand with Karma Yoga "We can do it Together!"


Shanti to Thailand with Karma Yoga "We can do it Together!"
ขอสันติสุขกลับคืนสู่เมืองไทย เรามาร่วมด้วยช่วยกันด้วยกรรมโยคะ

"ช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ อิ่มบุญ สุขใจ ไปกับการฝึกโยคะ"

เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศชาติบ้านเมืองเรา ณ ตอนนี้ หากผมจำไม่ผิดเหตุการมันเริ่มมาตั้งแต่ประมาณ กรกฎาคม ๒๕๕๔  ผมรู้สึกสลดหดหู่ใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก ซึ่ง ณ เวลานั้นเหตุการณ์น้ำท่วมเกิดขึ้นในต่างจังหวัดเสียเป็นส่วนใหญ่ ผมจึงคิดว่ามีอะไรบ้าง ที่ผมพอจะสามารถทำได้ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติที่กำลังเดือดร้อนอยู่จากอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศเราก็ว่าได้

จึงทำให้ผมคิดที่จะสอนโยคะและจัดกิจกรรมโยคะเพื่อการกุศล(มีทั้งผมเป็นผู้สอนเองและเชิญครูท่านอื่นมาช่วยสอน)เพื่อนำเงินรายได้ทั้งหมดไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยบริจาคเงินทั้งหมดผ่าน สำนักบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย โดยกิจกรรมแรกของเรามีดังต่อไปนี้

 วันเสาร์ที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๔ เวลา ๙.๐๐-๑๒.๐๐น. สถาบันฟิตของเราได้เชิญ อาจาย์กวี คงภักดีพงษ์ มาบรรยายเรื่องประวัติความเป็นมาของโยคะและปตัญชลีโยคะสูตร ให้กับนักเรียนคอร์สครูสอนโยคะของสถาบันฟิต ผมจึงถือโอกาสนี้แจ้งให้บุคคลภายนอกที่มีความสนใจสามารถเข้ามาร่วมฟังบรรยายในครั้งนี้ได้ด้วย เพียงแค่ร่วมบริจาคเงินตามกำลังศรัทธา ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี


(บรรยากาศในคลาสของ ครูกวี คงภักดีพงษ์)


เสาร์ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เวลา ๙.๐๐-๑๒.๐๐น. สถาบันฟิตของเราได้เชิญ  ครูเล็ก, เอกชัย มาสอนเรื่อง โยคะเพื่อการบำบัดผู้ที่มีความผิดปกติทางด้านโครงสร้างร่างกาย ให้กับนักเรียนคอร์สครูสอนโยคะของสถาบันฟิต ผมจึงถือโอกาสนี้แจ้งให้บุคคลภายนอกที่มีความสนใจสามารถเข้ามาร่วมฟังบรรยายในครั้งนี้ได้ด้วย เพียงแค่ร่วมบริจาคเงินตามกำลังศรัทธา ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี


(บรรยากาศในคลาสของ ครูเล็ก, เอกชัย)

 
อาทิตย์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ทางชมรมศิษย์เก่าหลักสูตรครูสอนโยคะของสถาบันฟิตเราได้ร่วมกับฟิตสตูดิโอ จัดคลาสโยคะการกุศล โดย เวลา ๙.๐๐-๑๑.๓๐น.ครูจิมมี่ สอน หฐะวินยาสะโยคะ แบบโฟล์วคลาส ส่วนเวลา ๑๓.๓๐-๑๖.๐๐น. ครูสุธรรม สอนเรื่องโยคะและการจัดระเบียบร่างกายและจิตใจ โดย เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปที่สนใจสามารถมาเข้าร่วมกิจกรรมได้ โดยบริจาคเริ่มต้นที่ท่านละ๕๐๐บาท ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี
 
 
 
 
อาทิตย์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ ครูจิมมี่ ร่วมกับ บัลลัมโยคะย่านลาซาล จัดคลาสโยคะการกุศล สอนโดยครูจิมมี่ เวลา ๙.๐๐-๑๐.๓๐น. สอนเรื่องเทคนิคและวิธีการฝึกโยคะอาสนะด้วยท่ายืน เวลา ๑๐.๓๐-๑๒.๐๐น.การทำท่าบิดตัวสำหรับการฝึกโยคะอาสนะ โดยเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปที่สนใจสามารถมาเข้าร่วมกิจกรรมได้ โดยร่วมบริจาคเงินตามกำลังศรัทธา ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี
 

 
 
จริงๆแล้วในวันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ ผมได้นัดหมายกับครูอุ้ม สุชาวดี เฉลิมวงศาเวช เพื่อจะเปิดคลาส อัษฎางคโยคะ ไพรมารี่ซีรี่ย์ การกุศล ที่ฟิตสตูดิโอ แต่เนื่องด้วยสถานการณ์น้ำท่วมที่เคลื่อนตัวเข้าสู่กรุงเทพ ไม่น่าไว้วางใจจึงทำให้เราตัดสินใจเลื่อนกิจกรรมดังกล่าวออกไปอย่างไม่มีกำหนดแต่ก็สัญญาว่าจะกลับมาจัดอีกอย่างแน่นอนครับ ซึ่งจากสถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาสู่กรุงเทพนี้เองยังส่งผลกระทบไปถึงการจัดกิจกรรมไทยแลนด์โยคะเฟสติวัลอีกด้วย ทำให้มหกรรมโยคะที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทยจำเป็นจะต้องย้ายไปจัดในวันที่ ๑๗-๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๔(จากที่ตั้งใจจะจัดในวันที่๒๙-๓๐ตุลาคม ๒๕๕๔)
 
อาทิตย์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ครูจิมมี่ ร่วมกับ เก๊าไม้ล้านนา รีสอร์ท เชียงใหม่ จัดกิจกรรมโยคะการกุศลเพื่อนำเงินบริจาคไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เวลา ๙.๐๐-๑๑.๓๐น. การฝึกโยคะอาสนะสำหรับคนที่นั่งทำงานออฟฟิศ เวลา ๑๓.๓๐-๑๖.๐๐น. เทคนิคการทำท่าอาร์มบาลานซ์สำหรับการฝึกโยคะอาสนะ(ซึ่งสำหรับกิจกรรมครั้งนี้ ผมจะนำข้อมูลมาอั๊พเดตให้ทราบ ทางเฟสบุ๊ค)
 
และก็คิดว่าคงจะมีกิจกรรมการกุศลช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติคล้ายๆแบบนี้อีกตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวยครับ


มาจนถึงปัจจุบันนี้จะเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ แล้ว ก็ยังไม่ค่อยมีทีท่าว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะดีขึ้น ผมชักเริ่มกังวลใจนิดๆเสียแล้วล่ะครับว่า จากการที่ผมพยายามทำกิจกรรมการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ต่อไปอาจจะถึงเวลาที่ผมจะต้องช่วยเหลือตนเองเข้าแล้ว เพราะตอนนี้สถานการณ์น้ำท่วมได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร และเข้ามาใกล้ระแวกที่พักอาศัยของผมมากๆ ถึงแม้รัฐบาลประกาศให้วันที่๒๗-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นวันหยุดราชการ เพื่อหวังให้ชาวกรุงได้เตียมตัวออกจากเมืองไปอยู่ต่างจังหวัดกัน เพื่อหลบภัยน้ำท่วมที่กำลังเข้ามาสู่เมืองกรุง แต่บริษัทเอกชนหลายๆแห่งในกรุงเทพก็ยังคงเปิดกิจการกันตามปกติ จึงทำให้จนถึงวินาทีนี้ทั้งผมและภรรยาต่างก็ยังคงมีภาระการงานอยู่ในกรุงเทพและยังคงเฝ้าสังเกตการณ์สภาวะน้ำท่วมที่กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ ได้แต่เฝ้าภาวนาหวังว่าทุกๆคนและครอบครัวของผมคงจะปลอดภัยและผ่านพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ในเร็ววัน

ขอพลังแห่งโยคะและกรรมโยคะ จงช่วยให้ชาวไทยทุกๆคน สามารถผ่านพ้นจากอุทกภัยครั้งร้ายแรงนี้ไปได้ในเร็ววัน เทอญ

นมัสเต,

จิมมี่โยคะ

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

กิจกรรมยามว่างของก๊วนโยคีในเมืองกรุง(ก๊วนโยคีรวมตัวเตะบอล)

                       (ลีลาการเตะบอลของครูจิมมี่)

กิจกรรมยามว่างของก๊วนโยคีในเมืองกรุง(ก๊วนโยคีรวมตัวเตะบอล)

แน่นอนงานหลักเพียงอย่างเดียวของผมก็คือการสอนโยคะครับ หลังๆมา เนื่องจากผมรับงานสอนแบบทุกวันไม่มีวันหยุดก็เลยคิดว่าน่าจะมีวันหยุดประจำสัปดาห์อยู่กับครอบครัวบ้าง เดี๋ยวลูกเมียจะจำหน้าไม่ได้เอา ผมก็เลย  จัดให้วันอาทิตย์เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ของผม ซึ่งในบางอาทิตย์มันก็จะเหงาหงอย เนื่องจากคนมันไม่เคยหยุดถึงแม้นจะหยุดอยู่กับครอบครัวก็ตาม ก็เลยคิดว่าในบางอาทิตย์น่าจะมีอะไรที่เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ทำกันบ้างในหมู่เพื่อนครูสอนโยคะและลูกศิษย์ของผม

มีวันหนึ่งพี่สุธรรมที่เป็นครูสอนโยคะด้วยกัน ก็ชวนผมและลูกศิษย์ของผมไปเตะบอลด้วยกัน(พี่เขาอายุรุ่นเดียวกับคุณอาของผมเห็นจะได้ แต่ด้วยวงโคจรของการสอนโยคะจึงทำให้ผมและพี่สุธรรมรู้จักและสนิทสนมกัน)  เนื่องจากพี่สุธรรมได้ย้ายที่พักอาศัยมาอยู่ที่คอนโดฯแถวย่านห้วยขวาง ซึ่ง ณ คอนโดฯ นั้นเองก็มีการทำธุรกิจสนามฟุตบอลให้เช่าหลายสนามทีเดียว จึงทำให้พวกเราเกิดแนวคิดกันว่าน่าจะรวมตัวกันสัปดาห์ละครั้งเพื่อมาเตะฟุตบอลด้วยกัน

       (ครูสุธรรม, ครูเปรม, ครูปอนด์, ครูปีเตอร์ และครูจิมมี่)

แรกๆเราก็รวมตัวกันมาเตะกับทีมของทางสนาม ก็เล่นกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่ในบางครั้งก็ไปขอเล่นรวมกับทีมอื่นๆที่มาเช่าใช้สนามเลยล่ะครับ จนทำให้กลายมาเป็น ก๊วนโยคีเตะบอล ของพวกเรา จะว่าไปแล้วทักษะของพวกเราแต่ละคนก็สุดๆด้วยกันทั้งนั้นล่ะครับ พี่สุธรรม เคยมีดีกรี เป็นนักฟุตบอลของบริษัท ในสมัยที่พี่เขาทำงานใหม่ๆ(สุดยอดจริงๆ) ครูปอนด์ ลูกศิษย์ของผม เคยมีดีกรีเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลเยาวชนตัวแทนจังหวัด และเล่นฟุตบอลบ้างในบางครั้ง(สุดยอด) ครูเปรม ลูกศิษย์ของผม เคยเป็นนักกีฬาเซปักตะกร้อของวิทยาลัย และเล่นฟุตบอลบ้างในบางครั้ง(สุดยอด) ปีเตอร์ เป็นทั้งลูกศิษย์ของผมและพี่สุธรรม มีดีกรีเป็นนักกายภาพจากประเทศโปรแลนด์ ที่มีใจรักในการออกกำลังกายและก็เล่นฟุตบอลบ้างนานๆที(สุดยอด) ส่วนตัวผมเองเคยมีดีกรีเป็นถึงนักฟุตบอลตัวแทนโรงเรียนประจำจังหวัดในสมัยเรียนมัธยมฯปลาย(สุดยอด) แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีดีกรีสุดยอดทั้งนั้น แต่นั่นน่ะมันนานมาแล้ว พอมาถึง ณ ตอนนี้ สภาพแต่ละคนก็อย่างที่คิดไว้แหล่ะครับ ช่วงแรกๆก็วิ่งกันคึกคักดี ผ่านไป15นาที แทบจะคานออกจากสนามกันเป็นแถว  แต่ในที่สุดเมื่อรวมตัวมาเตะบอลกันบ่อยครั้งเข้า พวกเราก็เล่นกันเป็นชั่วโมงเกือบทุกครั้งที่ได้มาเตะบอลด้วยกัน

ผลที่ได้รับของการรวมตัวกันเตะบอลในแต่ละครั้งก็มีเย๊อะแย๊ะมากมายครับ นอกจากความสนุกสนานความมันส์ในหมู่คณะของพวกเราแล้ว ก็ยังมีสิ่งอื่นๆที่พวกเราได้รับอย่างชัดเจนคือ ตัวผมเองเกิดการมีปัญหากับรองเท้าเล็กน้อยจึงทำให้เล็บเท้าหลุดและมีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อบ้างพอประมาณ, พี่สุธรรมเคยถึงกับข้อเท้าบวม หน้าแข้งปูดจากการปะทะกัน, ส่วนคนอื่นๆก็มีฟกช้ำบ้างแผลทะหลอกบ้าง ซึ่งทุกๆคนในก๊วนของเราต่างก็สอนโยคะด้วยกันทั้งนั้น พูดกันง่ายๆก็คือได้ไม่คุ้มเสียล่ะครับ

คนอื่นก็ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอกครับ ผมกับพี่สุธรรมต่างก็มีครอบครัวกันแล้ว พอกลับถึงบ้านก็จะได้รับการต้อนรับจากศรีภรรยา ล่ะครับ เนื้อหาใจความก็สรุปได้ประมาณว่า อย่าให้รู้น๊ะว่าต้องงดคลาสสอนหรือหาคนไปสอนแทนเพราะเจ็บตัวจากการไปเล่นบอลมา ไม่ใช่เด็กๆแล้วน๊ะคุณ  อันนี้คือด่านแรกของผมกับพี่สุธรรม  ด่านที่สองคือเหล่านักเรียนของพวกเราแหล่ะครับ พอพวกเราต่างก็มีอาการแปลกๆตอนเดิน จึงทำให้ได้รับคำถามจากนักเรียนเป็นเสียงเดียวกันว่า ไปทำอะไรมาครู? ดูเดินแปลกๆน่ะ 555.. พอทราบคำตอบลูกศิษย์ก็มักจะมองผมแปลกๆและถามต่อว่า เตะบอลเป็นด้วยเหรอครู? ผมก็คิดในใจว่า อ้าวพูดแปลกๆรูปร่างเราไม่เหมาะกับการเตะบอลเลยหรืออย่างไรกัน

จากเหตุการณ์ดังกล่าวจึงทำให้ผมคิดว่าการบาดเจ็บจากการเตะฟุตบอลของพวกเรามีผลกระทบพอสมควรเลยทีเดียวกับอาชีพการสอนโยคะ หากวันหนึ่งวันใดเกิดโชคร้ายขาแข้งหักกันขึ้นมาคงไม่ดีแน่ๆ ผมจึงตัดสินใจประกาศแขวนรองเท้าเตะบอลให้ทุกคนในกลุ่มทราบและต่อมาอีกไม่นานก๊วนโยคีเตะบอลของพวกเราก็ล่มสลายไปในที่สุด และก็คิดว่าพวกเราน่าจะหากิจกรรมอย่างอื่นทำกันดีกว่าที่จะฝืนสังขารกันไปเตะบอล

และนี่ก็คือ กิจกรรมครั้งหนึ่งของพวกเราเหล่าโยคีในเมืองกรุง พอมาถึง ณ ตอนนี้พวกเราบางคนต่างก็มีภาระการสอนโยคะกันอย่างมากมายจึงทำให้การรวมตัวเจอกันในแต่ละครั้งค่อนข้างจะลำบาก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีโอกาสพวกเราก็จะไม่พลาดรวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารหรือเสวนากันตามประสาก๊วนครูโยคะ

มิตรภาพของพวกเราที่มีวิชาชีพเดียวกันนั้นเป็นสิ่งที่งดงาม ยากที่จะหาสิ่งใดมาเทียบได้ พวกเราก็เฝ้าหวังว่าเราจะยังคงเก็บรักษามิตรภาพอันดีงามระหว่างพวกเราไว้ตราบนานเท่านาน
  
ขอพลังแห่งโยคะและมิตรภาพอันดีงามจงอยู่กับพวกเราทุกๆคนตลอดไปเทอญ


นมัสเต,


จิมมี่โยคะ

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Jason Crandell เทพบุตรแห่งวงการโยคะ

Jason Crandell เทพบุตรแห่งวงการโยคะ

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเข้าร่วมโยคะเวิร์คชอฟที่ต่างประเทศหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน รวมจนถึงเอเชียโยคะคอนเฟอร์เร้นท์ที่ประเทศฮ่องกงด้วยครับ มีครูโยคะท่านหนึ่งที่ผมมักจะได้พบเจอกับเขาเป็นประจำ  เขาคือ Jason Crandell(เจสัน แครนเดลล์) ครูสอนโยคะคนนี้จริงๆแล้วอายุอานามของเขาก็ถือว่าไร่เรี่ยสูสีกับผมเลยล่ะครับ  เจสันเป็นครูสอนโยคะรุ่นใหม่ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เขามักได้รับเชิญให้ไปเป็นวิทยากรสอนโยคะในระดับนานาชาติเสมอๆ

จากการที่ผมได้เคยเข้าคลาสของเขาบ้าง ได้เคยพูดคุยกับเขาบ้าง จึงทำให้พอจะทราบได้ทันทีเลยว่าทำไม Jason Crandell(เจสัน แครนเดลล์) ถึงได้ถูกเลือกให้มาสอนในงานโยคะระดับชาติ-ระดับโลกเป็นประจำ เขาเป็นคนที่สุภาพมากๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส มีอัธยาศัยไมรตรี เป็นกันเอง อ่อนน้อมถ่อมตน มีชีวิตเรียบง่าย ชอบทำตัวกลมกลืนกับคนทั่วๆไปไม่โดดเด่น พูดง่ายๆว่า ถ้าเดินสวนกัน กับเจสัน แครนเดลล์ ตามท้องถนน คงไม่ทราบแน่ๆว่าเขาเป็นครูสอนโยคะ เขามักสวมใส่เสื้อยืดคอปกสีพื้นๆ กางเกงยีนส์ทรงธรรมดาๆทั่วๆไป รองเท้าผ้าใบในสไตล์แบบที่เรียบๆง่ายๆ และกระเป๋าสะพายข้างสไตล์เดียวกับที่พนักงานส่งเอกสารบ้านเรามักนิยมใช้กัน

                                         (ครูจิมมี่และครูเจสัน แครนเดลล์)

ส่วนสไตล์การสอนของ Jason Crandell(เจสัน แครนเดลล์) เขาสอนในสไตล์ หฐวินยาสะโยคะ(ขั้นพื้นฐาน-ขั้นกลาง) สอนแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่รีบไม่เร่ง พร้อมกับทรอดแทรกเทคนิคต่างๆในแต่ละท่าโยคะอาสนะอย่างน่าสนใจ จนทำให้ท่าฝึกธรรมดาๆกลายเป็นท่าที่น่าติดตามขึ้นมาทันที และที่สำคัญคือการใช้คำพูดและโทนเสียงของเขา ค่อนข้างผ่อนคลาย ชวนฟัง จึงทำให้คลาสของเขาได้รับความสนใจในกลุ่มผู้ฝึกโยคะที่ต้องการเรื่องของเทคนิควิธีการ ท่าไม่ถึงกับหนักมากแต่ก็ไม่ได้เบาเกินไปด้วยในเวลาเดียวกัน(เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาครับ)
 
 Jason Crandell(เจสัน แครนเดลล์)เรียนรู้ศาสตร์แห่งโยคะจากครู Rodney Yee(ร็อดนี่ย์ ยี) และครูโยคะที่มีชื่อเสียงอีกหลายต่อหลายท่านด้วยกัน  เขาเป็นที่รู้จักในวงการโยคะอย่างกว้างขวางเนื่องจาก เขามีผลงานร่วมกับโยคะเจอร์น่อล(อเมริกา) หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดความรู้ต่างๆทางด้านโยคะ ผ่านนิตยสารโยคะเจอร์น่อลและเว็บไซต์ของโยคะเจอร์น่อล มากกว่า13บทความ บทความทั้งหมดเป็นที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจนถูกเผยแพร่และแปลเป็นภาษาอื่นๆอีกมากมายหลายภาษา นอกจากนี้เขายังมีผลงานดีวีดี การสอนโยคะร่วมกับโยคะเจอร์น่อล 2ชุด คือ Yoga Journal DVDs, Yoga for Wellbeing และ Your Complete Home Practice Companion: Yoga for Morning, Noon, and Night.

ผมก็ไม่ค่อยจะแน่ใจสักเท่าไหร่นัก ว่าสาวกโยคะชาวไทยเราจะมีสักกี่คนกัน ที่เคยได้ยินชื่อเสียงหรือพอจะรู้จักคุ้นหูกับครูสอนโยคะที่ชื่อ Jason Crandell(เจสัน แครนเดลล์)

แต่ก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ เทพบุตรแห่งวงการโยคะคนนี้ อาจจะแวะเวียนมาเปิดโยคะเวิร์คชอฟให้กับสาวกโยคะในเมืองไทยของเราได้สัมผัสประสบการณ์โยคะระดับโลก

สามารถติดตามผลงานของ ครูเจสัน แครนเดลล์ ได้ในช่องทางดังต่อไปนี้

ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับทุกๆคนตลอดไป

นมัสเต,

จิมมี่โยคะ

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

Yin Yoga Workshop by Sebastian Pucelle at Fit Studio หยิน โยคะเวิร์คชอฟ โดย เซบัสเตียน พูเซล ที่ ฟิต สตูดิโอ



Yin Yoga Workshop by Sebastian Pucelle at Fit Studio หยิน โยคะเวิร์คชอฟ โดย เซบัสเตียน พูเซล ที่ ฟิต สตูดิโอ


1 Day Workshop of Yin-Yang Yoga


Monday 19 December 2011

THEORY & PRACTICE with Sebastian Pucelle  

ข้อมูลเกี่ยวกับครูเซบัสเตียน สามารถ คลิ๊กเข้าไปดูได้ที่ลิ๊งค์ด้านล่างนี้เลยครับ
http://www.yogajournalthailand.com/main/?name=people&file=readpeople&id=14 

9:00 to 11:30 (Morning Session) YANG-YIN FLOW “From Strength to Softness”

13:30 to 16:00 (Afternoon Session) YIN PRACTICE “Finding Stillness”

มีผู้เชี่ยวชาญหยินโยคะชาวไทย คอยช่วยแปลการสอนเป็นภาษาไทยตลอดทั้งเวิร์คชอฟ


YANG-YIN FLOW (From Strenght to Softness)
This class will first focus on building the strenght of the body by challenging you with a Vinyasa (flow) practice combining balancing Asanas (postures) and back-bend. Following the Yang practice participants will be taken to a soft place within, where time will be allowed for a more contemplative and mind-clearing practice that helps practitioners to learn how to focus on the moment.

The practice will start with some Pranayama (breath-work), and will finish with a guided relaxation.


YIN PRACTICE (Finding Stillness)
In the afternoon 2 hours of Yin-Yoga which safely challenge us to open into both body and mind through familiar seated and lying down postures, by teaching practitioners how to handle discomfort and strong sensations to reach a state of stillness.

The practice will start with some breath work and finish with a guided meditation.

This workshop is designed to benefit beginners and advanced practitioners alike.


Theory
• Understanding Yin-Yoga Vs Yang-Yoga (Differences between those 2 practices)
• Exploring the 3 main tissues for Yoga practice (Bones, Muscle and connective Tissues)
• Discovering Tension Vs Compression (The limitation of every Asanas)

Practice
• Looking at the main Yin Yoga poses with variation
• 1 Yin-Yoga Session including Pranayama & Meditation
• 1 Yang-Yin Vinyasa Flow Session including Pranayama & guided Shavasana


Registration Fee:
1 Session/Half day for  800 THB. ลงทะเบียนเรียน หัวข้อเดียว(ครึ่งวัน) ราคา 800บาท

2 Session/ Full day for  1,500 THB. ลงทะเบียนเรียน ทั้ง 2หัวข้อ(ทั้งวัน) ราคา 1,500บาท

Special ! Registration full day 2 person for 2,800 THB. Only.
พิเศษ ลงทะเบียน แบบทั้งวัน พร้อมกัน 2ท่าน ในราคาเพียง 2,800บาท เท่านั้น!

Limited Space for 25 person only! รับจำนวนจำกัด ไม่เกิน 25ท่าน



More info. Tel. 02 650 8282 or 02 650 9242
โทร.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 650 8282 หรือ 02 650 9242


การสำรองที่่ในการเข้าร่วมกิจกรรม และการชำระเงิน


1. โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาเพลินจิต ชื่อบัญชี บริษัท ฟิต สตูดิโอ จำกัด เลขที่บัญชี 205-0-588-51-2


2. แฟกซ์ใบโอนเงินมาที่ 02 650 9464 หรือส่งมาทางอีเเมล์ info@studiobyfit.com เพื่อยืนยันการชำระเงิน




หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราคงจะได้พบกัน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางด้านโยคะ ซึ่งกันและกันในกิจกรรมครั้งนี้


ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับทุกๆคนตลอดไป


นมัสเต,


จิมมี่โยคะ

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ภักติโยคะ การเชื่อมั่นในศรัทธาและความจงรักภักดี

( Jimmy in Kukkuttasana )

ภักติโยคะ การเชื่อมั่นในศรัทธาและความจงรักภักดี

ผมไม่ได้เขียนบทความใหม่ส่งขึ้นบล็อกให้ได้อ่านมานานพอควร เนื่องจากภาระหน้าที่การงานที่ค่อนข้างวุ่นวายและยุ่งเหยิง ต้องขออภัยแฟนๆบล็อกทุกๆท่าน มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ 


มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะแชร์ให้ทุกๆท่านได้อ่านก็คือ ประสบการณ์จากการรับงานสอนโยคะของผม ที่น่าจะเป็นเครื่องช่วยเตือนใจและทำให้ผมได้ตระหนักถึงหลักและแนวทางของภักติโยคะ มากยิ่งขึ้น ดังนั้นก่อนอื่นผมคงจะต้องขอ กล่าวถึงความหมายและที่มาของคำว่า "ภักติโยคะ" เสียก่อน


ในยุคอุปนิษัท  ได้พัฒนาเรื่องหลักกรรมในยุคพระเวทเพื่อเป้าหมายคือการเข้าสู่ปรมาตมันโดย อาศัยวิธีการ  3  ประการ คือ  กรรมโยคะ  ภักติโยคะ   และชญาณ  โยคะ  
  
กรรมโยคะ  (กรรม+โยคะ)  หมายถึงการกระทำอะไรก็ตามที่จะนำไปสู่ความดีความชอบและมีผลตามความต้องการ
  
ภักติโยคะ  (ภักติ+โยคะ) หมายความถึงความศรัทธา  ความจงรักภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า  
  
ชญาณโยคะ  (ชญาณ+โยคะ)   หมายถึงตัวความรู้ชั้นบรมสัจจะ  มิใช่ความรู้อื่นที่นำไปสู่สภาวะดังกล่าว  สภาวะเช่นนี้จะเกิดได้จากการที่คนเราสามารถหยั่งรู้สภาวะอันแท้จริงของตน เองว่ามันมีสภาวะจริง  ๆ   เป็นเช่นไร

              ทรรศนะเรื่องกรรมในศาสนาพราหมณ์นี้  ชี้ให้เห็นว่ากรรมเป็นเครื่องปรุงแต่งสัตว์ทั้งหลาย   กรรมเป็นเครื่องผูกพันให้มนุษย์ต้องเวียนว่ายตายเกิด    มนุษย์ทุกคนตกอยู่ในอำนาจของกฎแห่งกรรมที่เขาทำไว้จะหลีกหนีไม่พ้น   คือทำกรรมใดไว้ก็จะได้รับผลแห่งกรรมนั้น  ทำดีย่อมได้รับผลดี  ทำชั่วก็ย่อมได้รับผลชั่ว



เรื่องของผมมันมีอยู่ว่า หลังจากที่ผมสอนโยคะมาได้สัก2-3ปี (ก็คงจะต้องย้อนกลับไปสักประมาณเกือบจะ 10ปีที่แล้ว) งานสอนโยคะผมก็ค่อยๆเริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จากที่เคยสอนวันละ 2คลาส ก็ค่อยๆเพิ่มมาเป็น วันละ 3-4 คลาส แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นกับชีวิตของผม (ซึ่งจริงๆแล้วมันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆที่คอยกวนใจเราน่ะครับ) ปัญหาที่ว่าก็คือ พอผมมีงานสอนโยคะเพิ่มมากขึ้น คนก็ค่อยๆเริ่มรู้จักกับผมเพิ่มมากขึ้น และมีคนติดต่อให้ผมไปสอนโยคะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ทราบกันดีว่า คลาสโยคะส่วนใหญ่ก็จะ เป็นช่วงเวลาเย็น ถ้าเป็นงานสอนตาม


หน่วยราชการต่างๆ ส่วนใหญ่เราน่าจะสามารถรับงานสอนได้ที่เวลา 16.30น. หรือ 17.00น.


หน่วยงานเอกชนหรือบริษัท ห้างร้านต่างๆ ส่วนใหญ่เราน่าจะสามารถรับงานสอนได้ที่เวลา 17.30น. หรือ 18.00น.  


ฟิตเนสและเฮลท์คลับต่างๆ เราจะสามารถรับงานสอนได้เกือบทั้งวันสำหรับฟิตเนสและเฮลท์คลับใหญ่ๆ แต่เวลาที่เขาต้องการส่วนใหญ่คือ ตั้งแต่6.30น.เช้าหรือ 7.00น.เช้า ส่วนช่วงเย็นก็เป็น 18.00น. ไปจนถึง 20.30น.เลยทีเดียว 


สำหรับเวลาอื่นๆก็คงเป็นรอบสอนแบบส่วนตัวที่นัดเวลากันตามสะดวกของทั้งผู้สอนและผู้เรียน


ดังนั้นงานในช่วงเย็นก็จะมีค่อนข้างเย๊อะกว่าช่วงเวลาอื่นๆ จนบางครั้งก็มีคนติดต่อให้ผมไปสอนช่วงค่ำในเวลาที่ผมมีงานสอนอยู่แล้ว ซึ่งข้อเสนอง่ายๆเพื่อต้องการได้ผมไปสอนก็คือให้ค่าสอนมากกว่าที่เดิม ต้องบอกกันตามตรงเลยครับว่ามีบ้างในบางครั้งที่กิเลสและความโลภของผมก็จะแว๊บเข้ามาในด้านมืดของจิตใจ และเคยทำให้ผมเคยตัดสินใจผิดพลาดไปเกี่ยวกับเรื่องนี้


การที่เราจะขอยกเลิกงานสอนจากสถานที่แห่งหนึ่ง ที่เราเคยสอนอยู่แล้วไปรับงานสอนยังที่ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่ายครับในบางครั้ง หากทางสถานที่นั้นๆเขาหาคนมาสอนแทนเราไม่ได้ เราก็อาจจะต้องเป็นฝ่ายช่วยหาคนมาสอนแทนเราให้กับสถานที่นั้นๆ และแน่นอนครับหากเขาทราบว่าเราทิ้งเขาไปรับงานที่ใหม่เขาก็คงไม่ค่อยพอใจอย่างแน่นอน 


ประสบการณ์การรับงานสอนของผมครั้งหนึ่งมันมีอยู่ว่า เขาต้องการให้ไปสอนช่วงค่ำแต่ว่า ในวันดังกล่าวน่ะผมก็มีงานสอนของผมอยู่แล้ว เนื่องจากเขาให้ค่าสอนมากกว่าที่เก่า กิเลสและความโลภของผมก็จะแว๊บเข้ามาในด้านมืดของจิตใจ จึงทำให้ผมหาคนรู้จักมาสอนแทนที่เดิมที่เคยสอน(ยกคลาสให้เขาไปเลย)และนำพาตัวเองไปรับงานที่ใหม่ที่คิดว่าได้ค่าตอบแทนที่ดีกว่าที่เดิม ทั้งๆที่ในสถานที่เดิมนั้นผมสอนมาอย่างยาวนานหลายปีโดยไม่เคยมีปัญหาอะไร 

และพอผมไปสอนให้กับที่ใหม่ได้เพียงไม่ถึงปีกิจการเขาก็มีปัญหาทำให้ต้องปิดกิจการลงไป..เวรกรรม..เวรกรรม... ก็เท่ากับว่าผมต้องตกงาน ที่เก่าก็ยกให้คนอื่นไปสอนแล้ว จะกลับไปขอเอารอบสอนคืนก็คงไม่ได้แน่ๆ อันนี้คือบทเรียนสำคัญ ของการไม่พึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ กิเลสความโลภที่บางครั้งมันเข้ามาคลอบงำจิตใจของเรา ทำให้เราอยากได้มากขึ้น อยากมีมากขึ้น จนทำให้เราหลงลืมเรื่องของความเชื่อมั่นและความศรัทธาที่สถานที่นั้นๆมีให้กับเราเสมอมา  มันเปรียบได้ดั่งเวรกรรมที่ตามทันเรา(อาจจะว่าผม งมงาย แต่ผมก็เชื่อในเรื่องของกฏแห่งกรรมครับ) เมื่อเราเป็นฝ่ายที่ทอดทิ้งเขาไปด้วยเหตุอันไม่สมควร เขาก็คงได้รับผลกระทบพอประมาณจากการกระทำของเรา มันก็คงเปรียบได้กับการที่เราได้สร้างเวรกรรมเอาไว้ ดังนั้นในไม่ช้าไม่นานเวรกรรมนี้มันก็จะตามกลับมาหาเรา ให้เราได้ชดใช้กรรมนี้ในที่สุด


หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผมก็จะตระหนักถึงเรื่องของเวรกรรมอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และพยายามนำ "ภักติโยคะ" การเชื่อมั่นในศรัทธาและความจงรักภักดี มาปรับใช้กับชีวิตและการงานที่ผมได้ทำอยู่  รู้จักถึงความพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ พอเพียง ไม่โลภมาก 


มีหลายเรื่องราวที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีและพอจะยกตัวอย่างให้เห็น ในเรื่องของความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ซื่อสัตย์ จงรักภักดี และแน่นอน พวกเขาเหล่านี้เปี่ยมล้นไปด้วยศรัทธา  ดังเช่น     
 พันท้ายนรสิงห์ (จากเรื่อง พระเจ้าเสือ) ที่มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อหน้าที่ของตนเองในการถวายงานรับใช้พระเจ้าเสือ ด้วยข้อผิดพลาดอันสุดวิสัยแต่ด้วยหน้าที่รับผิดชอบของตนจึงทำให้พันท้ายนรสิงห์ต้องสละชีพของตน ทิ้งไว้เป็นตำนานให้พวกเรารุ่นหลังได้รับรู้สืบต่อถึงความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อหน้าที่ ของท่านพันท้ายนรสิงห์


แฮร์รี่ พอตเตอร์และผองเพื่อน ที่ได้ทำตามหน้าที่ของตน เพื่อกำจัดภัยมืด ผดุงไว้ซึ่งความสันติสุข ของชาวฮ็อกวอด ถึงแม้นว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของตนเอง


กวนอู (จากเรื่อง สามก๊ก) ที่มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อเล่าปี่ ถึงแม้นว่าตนเองจะต้องตกไปเป็นเชลยศึกของฝ่ายโจโฉ แม้นกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีที่กวนอูมีต่อเล่าปี่ได้ จนท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ของชาวจีน


หนุมาน พญาวานร (จากเรื่อง รามเกียรติ์) ที่มีความจงรักภักดีต่อพระราม, หนุมานทำหน้าที่ของทหารเอกได้อย่างยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน ผดุงไว้ซึ่งความถูกต้อง


อรชุน (จากเรื่อง สงครามมหาภารตยุทธ/ภควัตคีตา) ที่ได้ทำหน้าที่ของตนเพื่อวงศาคณาญาติ ในมหาสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งชมภูทวีป, อรชุน เกือบจะเดินหนีจากสมรภูมิรบในการรบครั้งสุดท้าย แต่ด้วยการเตือนสติจาก กฤษณะ(อวตารของพระวิษณุ) ทำให้อรชุน ได้ตระหนักถึงหน้าที่ของตนและความถูกต้อง จึงทำให้อรชุนเปลี่ยนใจกลับมารบ จนได้รับชัยชนะเหนืออีกฝ่ายหนึ่ง

อย่างไรก็ตามแต่ พวกเราควรนำหลักของ "ภักติโยคะ" การเชื่อมั่นในศรัทธาและความจงรักภักดี ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับชีวิตของเราและควรอยู่ภายใต้ การนำไปใช้อย่างมีสติ และเป็นไปตามความถูกต้องตามครรลองครองธรรม ซึ่งถ้าเรานำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมคงจะเป็นผลดีต่อพวกเราทุกๆคนอย่างแน่นอน...

เมื่อการที่เรา เชื่อมั่น ศรัทธา และจงรักภักดี ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  เราก็แอบหวังไว้ลึกๆเช่นกันว่า สิ่งนั้นจะไม่ทำให้เราต้องผิดหวัง และสูญสิ้นซึ่งความรักและศรัทธา
 
"ที่สำคัญไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่​ากันก็คือ จงอย่าทำให้ผู้อื่นต้องสูญส​ิ้นซึ่งศรัทธาที่มีต่อเราด้​วยเช่นกัน และสุดท้ายที่สำคัญมากๆก็คื​อ จงอย่าสิ้นศรัทธาหมดหวังกั​บตัวเราเอง"

และเมื่อไรก็ตามแต่ ที่เราต้องผิดหวังจนสูญสิ้นซึ่ง ความเชื่อมั่นในศรัทธาและความจงรักภักดีไป นั่นหมายถึง...จงเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีและจงพร้อมที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่กำลังเข้ามาสู่ชีวิตของเราแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้...

... เราจะอยู่อย่างไร หากต้องอยู​่อย่างไร้ซึ่งศรัทธา...


ขอพลังแห่ง "ภักติโยคะ" การเชื่อมั่นในศรัทธาและความจงรักภักดี จงอยู่กับทุกๆคนตลอดไป

นมัสเต,

จิมมี่โยคะ

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Thailand Yoga Festival 2011.วันที่ 17-18 ธันวาคม 2554



 Thailand Yoga Festival 2011.วันที่ 17-18 ธันวาคม 2554  

ขอเชิญสาวกโยคะทุกๆท่าน เข้าร่วมงาน ไทยแลนด์โยคะเฟสติวัล 2011. มหกรรมของคนรักโยคะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทย วันเสาร์ที่17 และวันอาทิตย์ที่18 ธันวาคม 2554 ณ โรงเรียนนานาชาติ บางกอกเปร๊ป สุขุมวิท53 (ใกล้กับปากซอยทองหล่อ)


โดยท่านจะได้พบกับสุดยอดครูโยคะทั้ง11ท่าน ที่ได้รับเกียรติมาสอนในไทยแลนด์โยคะเฟสติวัล ครั้งนี้ 

ที่สำคัญคือ โปรดอย่าพลาดคลาส ในช่วงเวลา 9.45 - 11.45น. วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2554 เป็นอันขาด เป็นเรื่องของการฝึกโยคะเพื่อบริหารข้อต่อสะโพก ครับ  555! เป็นคลาสของผมเองล่ะครับ ซึ่งปีนี้ผมได้รับเกียรติเป็นครูโยคะชาวไทย ที่ได้รับการคัดเลือกจากทางนิตยสารโยคะเจอร์น่อลไทยแลนด์ ให้ขึ้นสอนในงานมหกรรมโยคะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทยในปีนี้(เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลอีกครั้งหนึ่งครับ)

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราคงจะได้มีโอกาสพบกัน ในมหกรรมโยคะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทยครั้งนี้ ไทยแลนด์โยคะเฟสติวัล 2011.

สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิ๊งค์ด้านล่างนี้เลยครับ


http://www.yogajournalthailand.com/main/?name=news&file=readnews&id=12 

ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับทุกๆคนตลอดไป


นมัสเต,


จิมมี่โยคะ

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ครูโยคะวิวาห์...สุมิตตา+สุธรรม


ครูโยคะวิวาห์...สุมิตตา+สุธรรม

เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง  ในวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม 2554 นี้ ถือเป็นฤกษ์งามยามดีในการจัดพิธีมงคลสมรสระหว่างครูสอนโยคะ 2ท่าน ซึ่งก็ถือได้ว่าทั้งสองท่านค่อนข้างจะมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผมพอสมควร ว่าที่เจ้าบ่าวคือเพื่อนร่วมอาชีพครูสอนโยคะ(จริงๆแล้วพี่เขาอายุมากกว่าผมพอสมควรเลยทีเดียว)แต่ด้วยเส้นทางของการสอนโยคะ จึงทำให้ผมและพี่สุธรรมได้โคจรมาพบกัน และทำให้ผมกับพี่สุธรรมค่อนข้างที่จะสนิทสนมกันพอสมควร  ว่าที่เจ้าสาวก็หาใช่ใครอื่น ครูนิดคือลูกศิษย์ที่เคยมาเรียนคอร์สครูฝึกโยคะกับผมที่สถาบันฟิต


เส้นทางแห่งความรักของครูทั้งสองท่าน จริงๆแล้วจะพูดว่ามีผมเป็นจุดเชื่อมโยงให้ทั้งสองท่านได้โคจรมาพบกันก็น่าจะไม่ผิดอะไร ในส่วนตัวของผมเองนั้น ผมได้รู้จักกับพี่สุธรรมก่อนที่ผมจะได้รู้จักกับครูนิด เหตุมันเกิดขึ้นเนื่องมาจาก ช่วงที่ครูนิดกำลังเรียนคอร์สครูฝึกโยคะกับผมอยู่นั้นเอง วันหนึ่งผมได้ทราบข่าวว่าครูแพ็ดดี้ แม็คกรัท ครูสอนโยคะชาวออสเตรเลียที่เก่งมากๆเรื่องการฝึกโยคะท่าแอ่นหลัง จะมาสอนคลาสพิเศษให้กับกลุ่มครูและผู้ฝึกโยคะในสวนลุมฯในเช้าตรู่วันหนึ่ง ผมจึงประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนของผมทราบ ซึ่งก็มีครูนิดที่สนใจจะไปร่วมคลาส  ทั้งผมและครูนิดต่างก็ไม่เคยไปฝึกโยคะที่สวนลุมฯมาก่อนจึงไม่รู้ว่าเขาจะฝึกกันตรงส่วนใดของสวนลุมฯ ทำให้ผมต้องสอบถามข้อมูลจากพี่สุธรรม เนื่องจากพี่สุธรรมเขาไปฝึกโยคะที่สวนลุมฯเป็นประจำอยู่แล้วและพี่สุธรรมเองก็เป็นลูกศิษย์ของครูแพ๊ดดี้ด้วย ผมจึงให้เบอร์โทรของพี่สุธรรมไปกับครูนิดเพื่อจะได้โทรสอบถามเส้นทางได้อย่างสะดวก


หลังจากที่ได้เรียนกับครูแพ๊ดดี้ ในวันนั้นไปแล้ว ผมเองก็ไม่เคยคิดเลยว่าทั้งสองท่านจะมีการสานต่อความสัมพันธ์กันเพิ่มเติม จนเหตุการณ์ผ่านพ้นไปหลายเดือน วันหนึ่งพี่สุธรรมก็พูดเปยๆกับผมว่า พี่เขากำลังคบหาดูใจกับคนคนหนึ่งอยู่ และคนคนนี้เป็นคนที่ผมรู้จัก   ผมจึงถามพี่สุธรรมว่า "เขาเป็นใครกันครับพี่?" พี่แกดันบอกว่า ยังไม่ขอเปิดเผย และวันไหนที่ทั้งคู่พร้อมจะมาเปิดตัวให้ผมรับทราบเอง แน่ะ!มีการทิ้งปริศนาให้เรากับไปคิดอยู่หลายวัน ผมก็คาดเดาไปต่างๆนานา ว่าเป็นคนโน้นบ้างคนนี้บ้างซึ่งไอ้คนที่ผมคาดเดาไปน่ะไม่ใช่เลยสักคนเดียว...


หลังจากนั้นไม่กี่วัน พี่สุธรรมก็โทรมานัดผมไปทานข้าว ณ ร้านที่ผมและพี่สุธรรมมักจะไปนั่งทานกันเป็นประจำ และบอกผมว่าวันนี้จะพาคนที่กำลังคบหาดูใจอยู่มาเปิดตัวให้ผมทราบสักทีว่าคือใคร...อั่นแน่! มีเซอร์ไพส์เราอีก...พอผมมาถึงร้านอาหารก็เห็นแต่พี่สุธรรมนั่งอยู่ ผมจึงถามว่า "ไหนล่ะพี่ คนที่พี่ว่ากำลังคบหาดูใจอยู่และจะพามาเปิดตัวให้ผมทราบในวันนี้?" พี่แกพูดว่า "ใจเย็นๆ...เดี๋ยวคงจะตามมา"  แน่ะ! ดึงเชิงกับผมสุดๆ  แต่ในที่สุดก็ได้เห็นคนที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้กำลังเดินลงมาและตรงมาที่โต๊ะของผมกับพี่สุธรรม สุภาพสตรีท่านนี้ก็คือครูนิดนี่เอง  ผมช๊อคเล็กน้อย และก็ถือว่าเป็นเซอร์ไพส์ครั้งใหญ่เลยทีเดียวสำหรับผม ขณะเดียวกันในใจก็รู้สึกยินดีทั้งๆที่ยังคงช๊อค อึ้งและงงนิดๆ โดยที่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรถึงเหตุแห่งความรักของทั้งคู่ ได้แต่นั่งทานข้าวกับทั้งคู่และพูดคุยเรื่องอื่น เพราะ ณ ตอนนั้นครูนิดก็แสดงอาการเขินอายให้ผมเห็นพอควรเลยทีเดียว


และนี่ก็คือ เลิฟ สตอรี่ เรื่องราวแห่งความรัก ของครูสอนโยคะทั้งสอง  ดังนั้นในวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม 2554 นี้ 18.00น. พวกเราในแวดวงโยคะก็จะไปร่วมเป็นเกียรติในงานมงคลสมรสระหว่างครูนิด(สุมิตตา)และครูต้อง(สุธรรม) ณ สโมสรกรมพลาธิการทหารบก ถนนติวานนท์


หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราจะได้มีโอกาสพบเจอกันในงานมงคลสมรสระหว่างครูนิด(สุมิตตา)และครูต้อง(สุธรรม)


ความรักคือสิ่งงดงาม ความรักเป็นสิ่งที่พวกเราทุกๆคนถวิลหา และพวกเราก็คงจะอยู่บนโลกใบนี้ไม่ได้หากต้องอยู่โดยไร้ซึ่งความรัก...


ขอพลังแห่งความรักและโยคะจงอยู่กับครูนิด(สุมิตตา)+ครูต้อง(สุธรรม)และพวกเราทุกๆคนตลอดไปเทอญ


นมัสเต,


จิมมี่โยคะ

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ความหวังในการทำให้บทความจากโยคะบล็อกของผม...ไปสู่การรวมเล่มเป็นหนังสือ


ความหวังในการทำให้บทความจากโยคะบล็อกของผม...ไปสู่การรวมเล่มเป็นหนังสือ

หลังจากที่ผมได้เริ่มเขียนบทความเกี่ยวกับโยคะเผยแพร่ผ่านบล็อก "เรื่องเล่าจากครูโยคะ" มาจนถึงทุกวันนี้ ก็มีบทความมากกว่า 80เรื่องแล้วครับ ที่ผมได้เผยแพร่ออกไปสู่สาธารณชน เป็นการถ่ายทอดเกือบจะทุกเรื่องราวจากประสบการณ์ในเส้นทางการฝึกโยคะและการสอนโยคะของผม จนทำให้มีหลายกระแสแนะนำเข้ามาว่า ผมควรจะนำบทความเหล่านี้ไปรวมเป็นเล่มแบบพ็อกเกตบุ๊คเพื่อเผยแพร่...

จริงๆแล้วผมตั้งใจไว้ว่าจะรวมเล่มและพยายามส่งทำเป็นรูปเล่มให้เสร็จพร้อมที่จะเผยแพร่ภายในเดือนตุลาคม2554นี้ เพื่อให้ทันงาน ไทยแลนด์โยคะเฟสติวัล2011. แต่ ณ ตอนนี้ก็เริ่มจะไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันครับว่าสิ่งที่ผมหวังไว้นี้จะเป็นไปได้มากน้อยสักเพียงไหน...

พูดกันแบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องอ้อมค้อมเลยก็แล้วกันนะครับ ผมอยากรวมเล่มเพื่อเผยแพร่มากๆครับ ปัญหาสำคัญมากๆสำหรับผมช่วงนี้ก็คือทุนทรัพย์ในการไปลงทุนทำหนังสือครับ เนื่องจากในปีนี้ผมใช้เงินจำนวนมากไปสำหรับการเดินทางไปอบรมโยคะที่ต่างประเทศ ต้องเสียภาษีเป็นจำนวนเงินมากที่สุดในชีวิตก็ปีนี้ ต้องเตรียมสำรองเงินส่วนหนึ่งเอาไว้ให้กับอีกหนึ่งชีวิตสมาชิกใหม่ในครอบครัว(ตอนนี้ภรรยาผมตั้งครรภ์ได้ 3เดือนแล้วครับ)ซึ่งผมกำลังจะมีลูกอีกคนล่ะครับ ดังนั้นรายจ่ายในปีนี้ของผมจึงมากมายเสียจนทำให้โอกาสในการที่จะทำหนังสือให้เสร็จก่อนเดือนตุลาคมนี้ เริ่มจะลดน้อยลงไป

ดังนั้นผมจึงขอถือโอกาสใช้บทความนี้ในการประชาสัมพันธ์ ถึงแผนการดำเนินงานของผม คือ

1. หากมีสำนักพิมพ์ไหน ที่มีความสนใจที่จะนำเรื่องจากบล็อกโยคะของผมไปจัดพิมพ์เพื่อจำหน่าย ผมยินดีอย่างยิ่งและรบกวนช่วยรีบติดต่อเข้ามาที่ผมเพื่อคุยรายละเอียดได้เลยครับ
(รบกวนทุกๆท่านที่ผ่านเข้ามาอ่านบทความนี้ ช่วยประชาสัมพันธ์ต่อถึงสำนักพิมพ์ที่มีความสนใจด้วยนะครับ)

2. ในกรณีที่ไม่มีสำนักพิมพ์ใดเลยที่สนใจ ผมคงจะต้องระดมเงินทุนเพื่อดำเนินการเอง ดังนั้นจึงขอใช้ช่องทางนี้ในการประกาศหาสปอนเซอร์ ในการจัดทำหนังสือเล่มนี้ อีกทางหนึ่งด้วยก็แล้วกันนะครับ
(สำหรับผู้ที่สนใจเป็นสปอนเซอร์ ในการจัดทำหนังสือครั้งนี้ สามารถติดต่อเข้ามาที่ผมได้เลยครับ)

และนี่ก็คือความหวังในการที่จะทำให้บทความจากโยคะบล็อกของผม...ไปสู่การรวมเล่มเป็นหนังสือ
 
ขอพลังแห่งโยคะที่มีอยู่ในตัวผม และผู้ที่ผ่านเข้ามาอ่านบทความโยคะของผมช่วยดลบันดานให้บทความจากโยคะบล็อกของผม...ไปสู่การรวมเล่มเป็นหนังสือ ออกเผยแพร่ทันภายในเดือนตุลาคมนี้ด้วยเทอญ

นมัสเต

จิมมี่โยคะ
e-mail : jimmythaiyoga@yahoo.com

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

โยคะเวิร์คชอฟ ที่เชียงใหม่ โดยครูจิมมี่...


โยคะเวิร์คชอฟ ที่เชียงใหม่ โดยครูจิมมี่...

สำหรับผู้หลงไหลในการฝึกโยคะ ชาวจังหวัดเชียงใหม่และชาวจังหวัดใกล้เคียง เตรียมตัวพบกับโยคะเวิร์คชอฟ โดยครูจิมมี่

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม 2554 
ณ โรงแรม ฮอลิเดย์อินน์
จังหวัดเชียงใหม่
318/1 ถนนเชียงใหม่-ลำพูน  ตำบล.วัดเกศ   อำเภอ.เมือง  จังหวัดเชียงใหม่


9.00-12.00น. Counter Pose for Yoga Asana

เป็นเวิร์คชอฟ แบบทฤษฎีเชิงปฏิบัติ

การเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานของกล้ามเนื้อในขั้นพื้นฐาน 
เพื่อมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบท่าแก้ในการฝึกโยคะอาสนะ
(เหมาะสำหรับผู้ฝึกโยคะทุกระดับ)

ในเวิร์คชอฟ เราจะพูดถึง
เทคนิคในการจัดเรียงท่าฝึกโยคะให้เหมาะสมกับตัวเราเองและผู้ฝึกโยคะทั่วๆไป
การทำงานของกล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆในขั้นพื้นฐาน
การวิเคราะห์การทำงานของกล้ามเนื้อ จากท่าฝึกโยคะอาสนะต่างๆ
การออกแบบท่าแก้เพื่อใช้ในการฝึกโยคะอาสนะ

13.30 - 16.30 น. เทคนิคและวิธีการฝึกโยคะอาสนะด้วยท่ายืน

เป็นเวิร์คชอฟ แบบทฤษฎีเชิงปฏิบัติ

การเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคในการฝึกท่ายืนแบบต่างๆสำหรับการฝึกโยคะอาสนะ
เพื่อมาประยุกต์ใช้ในการฝึกโยคะอาสนะของเราอย่างเหมาะสม
(เหมาะสำหรับผู้ฝึกโยคะทุกระดับ)

ในเวิร์คชอฟ เราจะพูดถึง
เทคนิคในการยืนแบบต่างๆ สำหรับการฝึกโยคะอาสนะให้เหมาะสมกับตัวเราเองและผู้ฝึกโยคะทั่วๆไป
การจัดระเบียบร่างกายขั้นพื้นฐานสำหรับการฝึกโยคะอาสนะด้วยท่ายืนแบบต่างๆ


ค่าใช้จ่ายท่านละ 1,300 บาท 
(ผู้เข้าร่วมเวิร์คชอฟจะได้รับ...เสื้อที่ระลึก + อาหารกลางวัน + ใบประกาศ)

โทร.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่...
คุณ เหมย. 08-5864-1016

พิเศษ ! ทดลองฝึกโยคะบนเสื่อ Manduka ได้ในงานนี้, พบกับบู๊ทสินค้า Manduka YogaAum เสื้อผ้าLululemon, Be Present และTonic มาลดราคาพิเศษในวันงาน 

หวังว่าเราคงจะได้พบกัน ในโยคะเวิร์คชอฟ ของผมที่เชียงใหม่ นะครับ

นมัสเต,

จิมมี่โยคะ

ป้ายกำกับ

Powered By Blogger