เรื่องเล่า...จากครูโยคะ

เรื่องเล่า...จากครูโยคะ เป็นการรวบรวมเรื่องราวต่างๆจากประสบการณ์การสอนโยคะของครูจิมมี่ ถ่ายทอดออกมาเป็นบทความ สอดแทรกอารมย์ขัน เหมาะกับผู้ที่สนใจในการฝึกโยคะ, ครูฝึกโยคะและทุกๆคน ทุกเพศทุกวัย



สำหรับทุกๆท่านที่เพิ่งจะเข้ามาใช้บริการ อ่านบล็อก เรื่องเล่า...จากครูโยคะ โดยครูจิมมี่ สามารถเลือกคลิ๊กเข้าไปอ่าน บทความอื่นๆได้ ที่เดือนต่างๆ ซึ่งเรียงอยู่ทางด้านขวามือของบทความ ขอบพระคุณมากครับ



ขอพลังแห่งโยคะจงอยู่กับคุณตลอดไป...นมัสเต...





วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

โยคะ...กับเรื่องของเด็กๆ(ภาคสอง)



โยคะ...กับเรื่องของเด็กๆ(ที่จิมมี่...ไม่อยากเจอ)

เรื่องที่สอง

ตี๋น้อย....ไม่เข้าใจลุงเอาซะเลย( Immersion 2 )

ชื่อเรื่องอาจฟังดูแปลกๆ แต่มันมีที่มาครับ ประมาณ2ปีที่แล้ว เรื่องมันมีอยู่ว่า ทุกวันศุกร์เวลาประมาณ19.30น. ผมจะต้องไปสอนโยคะให้ฟิตเนสในโรงแรมระดับสามดาวแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับสนามศุภฯ (ปัจจุบันผมไม่ได้ไปสอนที่นี่แล้ว) ที่นี่บรรยากาศอบอุ่นกันเองทั้งฟิตเนส ส่วนใหญ่สมาชิกที่มาจะเป็นชาวไทยเชื้อสายจีน มาเล่นฟิตเนสกันด้วยความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านตัวเอง มีขนมก็มาแบ่งกันทานในฟิตเนส และบางครั้งก็มีขนมเล็กๆน้อยๆมาฝากผมเสมอ บางวันได้ขนมติดมือกลับบ้านเยอะเลยก็มี ส่วนใหญ่ผู้ที่มาเข้าเรียนกับผมอายุเฉลี่ยมากกว่า40ปีครับ เลยสอนโดยใช้ท่าพื้นฐานที่ไม่ยากจะเน้นท่านั่งและท่านอนเป็นหลัก นักเรียนของผมกลุ่มนี้ เป็นอาเจ๊,อาซ้อ, อาอี๊, อาอึ่ม, อาเจค, อาแปะ บางท่านก็มีพาลูกหลานมาบ้าง หรือบางครอบครัวก็ใช้เป็นที่นัดพบกันเมื่อออกกำลังกายเสร็จก็จะกลับบ้านพร้อมกัน ที่นี่เด็กๆไม่ค่อยเข้ามาวุ่นวายในเวลาที่ผู้ใหญ่ฝึกโยคะ เป็นข้อดีมากๆสำหรับผม การสอนที่นี่ทุกๆครั้งมักจะเป็นไปด้วยความราบรื่นเรียบง่าย แต่มีอยู่วันหนึ่งมีสมาชิกเข้าเรียนกับผมประมาณ7-8ท่าน ในขณะที่ผมสอนใกล้จะจบคลาส สังเกตได้ว่ามีเด็กชายเชื้อสายจีนอายุประมาณ10ปี เดินผ่านไปผ่านมาและด้อมๆมองๆเข้ามาในห้อง หลายต่อหลายครั้ง จนผมเกิดความสงสัยในใจว่าอาตี๋น้อยคนนี้กำลังตามหาใครหรือมองหาสิ่งของอะไรอยู่ อีกไม่กี่นาทีจากนั้นก็มาถึงขั้นตอนของการพักด้วยท่าศพ และโยคะนิทราแบบง่ายๆ ซึ่งผมก็จะปิดไฟในห้อง แล้วค่อยๆพูดนำผู้ฝึกไปสู่การผ่อนคลาย ในขณะที่ทุกคนกำลังเคลิบเคลิ้มผ่อนคลายแบบได้ที่ ทันใดนั้นเองอาตี๋น้อยก็เปิดประตูเข้ามาในความมืดแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดังชัดเจน เป็นประโยคคำถามว่า "ลุง ๆ เสร็จหรือยังเนี่ยะ จะตีปิงปองลุง?" (ผมก็ยังไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบแค่คิดในใจว่า ฉันไม่ได้เป็นพี่ชายของพ่อแม่แกแน่นอนตี๋น้อย) ในตอนนั้นผมรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย อย่างแรก คือ ดันมาเรียกผมว่าลุง (รับไม่ได้จริงๆ) อีกประการคือมารบกวนสมาธิในขั้นตอนที่สำคัญมากในการฝึกโยคะ ผู้ฝึกโยคะทุกคนคงทราบดีถึงความสงบสุข ผ่อนคลาย ของขั้นตอนนี้ แล้วตี๋น้อยก็หันกลับออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็ว ผมเห็นว่าสมาชิกได้ถูกรบกวนจากเสียงของตี๋น้อย จึงเดินไปเปิดไฟและเข้าสู่การจบคลาส อาแปะคนหนึ่งที่เรียนกับผมจึงพูดเชิงถามว่า "ไอ้เด็กเมื่อกี้มันลูกใครหว่า? มาเรียกอาจารย์ว่าลุง" แป๊บเดียวอาตี๋น้อยก็เดินเข้ามาพร้อมพูดว่า "ผมกางโต๊ะตีปิงปองเลยน๊ะ" ( ห้องนี้ทางฟิตเนสจะใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด คือจะเป็นทั้งห้อง สำหรับเต้นแอโรบิค ฝึกโยคะ เรียนเทควันโด รวมจนถึงตีปิงปอง ) เพียงแป๊บเดียวก็ทราบว่าเป็นลูกชายของสมาชิกท่านหนึ่งซึ่งมาเรียนโยคะกับผมเป็นประจำ แม่ของตี๋น้อยจึงรีบให้ตี๋น้อยขอโทษทุกคนรวมจนถึงผม พออาแปะที่เรียนด้วยทราบว่าเป็นลูกใครจึงพูดจาหยอกล้อกับตี๋น้อยว่า "ไม่รู้เรื่องเลยเองนี่ คราวหน้ามาทำแบบนี้อีกเองโดนเตะแน่ๆ ดูซิอาจารย์ยังหนุ่มยังแน่น มาเรียกลุงได้ยังไง คราวหน้าเองเรียกอาจารย์ว่าพี่รู้ไหม?" ผมคิดในใจว่า ขอบคุณมากครับอาแปะ ถ้าจะให้ดีอย่าตรอกย้ำอีกเลยครับ ฟังแล้วมันจี๊ด เห่อ! อาตี๋น้อย...ไม่เข้าใจลุง(พี่)เอาซะเลย...



เรื่องที่สาม

อย่าทำอะไร! คุณแม่ของเขาน๊ะ!( Immersion 3 )

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปี2551 ผมกำลังสอนผู้ฝึกหลักสูตร ครูโยคะ200ชั่วโมง มีผู้เข้าอบรมท่านหนึ่งวันนี้เขามีความจำเป็นที่จะต้องพาลูกชายวัย4ปี มารอในขณะที่เขากำลังฝึกกับผม แต่ผมและผู้เข้าอบรมทุกๆท่านได้ตั้งข้อตกลงกันไว้แล้วว่าถ้านำลูกมาก็ไม่อนุญาตให้เข้ามาในส่วนที่เราฝึกปฏิบัติซึ่งอยู่ชั้นบนของสถาบัน ภาระจึงตกไปอยู่กับน้องพนักงานต้อนรับของสถาบันที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ชั้นล่าง ต้องรับบทเป็นพี่เลี้ยงจำเป็น พร้อมกับทำงานไปด้วยในเวลาเดียวกัน

ในวันนี้ช่วงท้ายของการฝึก ผมให้ผู้เข้าอบรมทำท่าศรีษะอาสนะ ก็ค่อยๆให้ทำทีละคนเพื่อความปลอดภัย พอมาถึงผู้อบรมคนที่นำลูกมาด้วย ผมก็เข้ามาช่วยจัดท่าให้เช่นเดียวกับทุกๆคน มีจังหวะหนึ่งผมต้องนั่งยองๆ เข่าต่ำข้างสูงข้าง เหมือนท่านั่งของหนุมานกิริยา และหันหลังให้กับประตูห้อง ด้วยความมุ่งมั่นในการจัดระเบียบร่างกาย เพื่อความปลอดภัยจึงพยายามดูให้ละเอียด ทันใดนั้นเองก็มีเท้าหนึ่งเท้า เตะเข้ามาที่ก้นของผมความรุนแรงระดับปานกลาง แต่ตำแหน่งของปลายเท้าบริเวณหัวแม่เท้าเข้ามาที่รูทวารหนักพอดีเป๊ะ บอกให้ทราบว่ามีการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี พร้อมกับเสียงพูดว่า "อย่าทำอะไร! คุณแม่ของเขาน๊ะ!" ความรู้สึกตอนนั้นคือเจ็บมากๆครับ แสดงออกทางสีหน้าชัดเจนแต่กลั้นเสียงร้องไม่ให้ร้องออกมา คนที่เห็นคงคิดว่าผมไม่เป็นอะไรแค่เด็กเอาเท้ามาเตะก้นไม่ได้รุนแรงอะไร แต่จริงๆแล้วมันเข้าจุดโฟกัส บอกตรงๆว่าถ้าหากคุณเป็นริดสีดวงทวารหนัก แล้วโดนแบบนี้ริดสีดวงคุณแตกแน่ๆ ดีที่ผมไม่เป็นริดสีดวง แต่เจ็บมากๆขอบอก ในขณะเดียวกันก็มีความโกรธเข้ามาผสมด้วยแต่ไม่มากนักยังข่มใจไว้ได้ด้วยเห็นว่าเขายังเด็กอยู่พอจะให้อภัยได้ แม่ของเด็กคนนี้จึงรีบลงมาจากท่าศรีษะอาสนะและบอกกับลูกว่า"ทำไมหนูไม่อยู่ข้างล่างล่ะจ๊ะ ครูเขาไม่ได้ทำอะไรแม่ เขาช่วยแม่ทำท่าศรีษะอาสนะลูก" เด็กก็คือเด็ก เขาทำหน้าตา งงๆแล้วก็พูดว่า "คิดถึงแม่ นึกว่าเขาจะทำอะไรแม่" โถเด็กกตัญญูแท้ๆเลย ผมคิดในใจว่าฉันไม่ได้อยากไปยุ่งอะไรกับแม่แกหรอก ยังไม่หายเจ็บเลย แต่ในฐานะที่ผมก็เป็นลูกกตัญญูคนหนึ่งจึง ย๋วนๆ ไม่ถือสาหาความ มิเช่นนั้นผมคงให้ลูกสาววัยสามขวบของผมพาพวกมาลุมยำแน่ๆ จากนั้น ผมจึงกำชับทุกๆคนเลยว่า ได้โปรดอย่าพาลูกมากันอีกเลย ทางสถาบันของเรายังไม่พร้อมที่จะรองรับเด็กๆ ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดที่ได้เจอ และทั้งหมดนี้ก็คือประสบการณ์ โยคะ...กับเรื่องของเด็กๆ แบบไตรภาค ของผม หวังว่าเรื่องเล่าของผมคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกับเพื่อนครูโยคะและผู้ฝึกโยคะที่มีลูกคอยติดตามไปไหนต่อไหนด้วย

รบกวนทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านบล็อก ทั้งตั้งใจและบังเอิญเข้ามาอ่านก็ดี ทุกความคิดเห็นของท่านมีความสำคัญมากสำหรับผม โปรดช่วยแสดงความคิดเห็น ด้านล่างของบทความทุกบทความ เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข ให้กับผู้เขียนในโอกาสต่อไป ขอบคุณมากๆ ครับ


นมัสเต,

จิมมี่โยคะ


3 ความคิดเห็น:

  1. ขำก็ขำ สงสารก็สงสาร ดีนะคะที่เด็กไม่เตะเข้าจุดยุทธศาสตร์

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากครับ ผมก็หวังว่า คงจะไม่มีเด็กที่ไหนมาทำอะไรแบบนี้กับผมอีก

    ตอบลบ
  3. มาอ่านย้อนหลัง ...​ เรื่องเด็กปวดหัวมากจริงๆ ค่ะ
    สตูดิโอที่สอนอยู่อยู่ในโรงเรียนค่ะ คนที่มาเรียนก็ผู้ปกครองนั่นแหละค่ะ
    ทีนี้ลูกเขาเรียนพิเศษเสร็จก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง มานั่งกับแม่เขาด้วย
    จะไล่ก็ไล่ไม่ได้ เพราะแม่เขาก็นั่งอยู่ แล้วแม่เขาก็ไม่ไล่
    ดีที่เขาก็ไม่ได้เสียงดังอะไร แต่แย่ตรงที่เปิดประตูแล้วปิดเบาๆ ไม่เป็น
    กำลังคิดหาทางแก้อยู่เลยค่ะ

    ตอบลบ

ความคิดเห็น ของคนในวงการโยคะ

ป้ายกำกับ

Powered By Blogger